วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดพะเยา พร้อมด้วย ไผ่ ลิกค์ ส.ส. จังหวัดกำแพงเพชร, จีรเดช ศรีวิราช ส.ส. จังหวัดพะเยา, เกษม ศุภรานนท์ ส.ส. จังหวัดนครราชสีมา, สะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส. จังหวัดชลบุรี, พรชัย อินทร์สุข ส.ส. จังหวัดพิจิตร, ปัญญา จีนาคำ ส.ส. จังหวัดแม่ฮ่องสอน, จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส. จังหวัดสมุทรสาคร, ทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส. จังหวัดนครราชสีมา, ภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส. จังหวัดตาก, ยุทธนา โพธสุธน ส.ส. บัญชีรายชื่อ และ สมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส. จังหวัดขอนแก่น กลับเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง โดยใช้มติคณะกรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจไทยขับพ้นพรรค เพื่อทำให้ยังคงสถานะ ส.ส. อยู่ โดยจะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญ
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวถึงการกลับมายังพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นการเดินทางมายังพรรคพลังประชารัฐในรอบ 1 ปี ตนเองมีความผูกพันกับคนในพรรคอยู่แล้ว และมีการพูดคุยกันตลอดอยู่แล้ว พร้อมกล่าวว่ามีความคิดถึงบ้านเก่าอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถทำงานกับคนในพรรคได้หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เป็นคนหาเรื่องใคร ซึ่งนโยบายของหัวหน้าต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นอะไรที่ผ่านมาแล้ว ก็ขอให้มันผ่านไปกับปีเก่า เพราะฉะนั้นเริ่มต้นใหม่ในทุกเรื่อง ทุกประเด็น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการกลับมาครั้งนี้ได้รับมอบหมายให้ดูแลส่วนไหน ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเองเป็น ส.ส. เขต และมีความคุ้นเคยกับพื้นที่ภาคเหนือ จึงคิดว่าน่าจะเป็นการดูแลพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมกล่าวถึงความหวังในการคว้าที่นั่ง ส.ส. ว่าตอนนี้ยังไม่เห็นคู่แข่งและรอให้มีความชัดเจนก่อน แต่สำหรับพื้นที่บ้านตนเอง (จังหวัดพะเยา) และ 8 จังหวัดภาคเหนือหวังทุกเขต
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน และปี 2562 มีความแตกต่างกันหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า มีความแตกต่างกันมาก ทั้งคู่ต่อสู้มีการเตรียมตัวที่ดี รวมถึงพรรคพลังประชารัฐด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความหนักใจหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ในพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบดูแลอยู่นั้นไม่ค่อยหนัก เพราะตนเองมั่นใจว่าสามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาแล้วพรรคพลังประชารัฐสามารถสร้างนายกรัฐมนตรีได้ การเลือกตั้งรอบนี้จะสามารถสร้างนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองก็หวังว่าพรรคของตนเองจะสามารถทำได้ พร้อมกล่าวต่อไปว่า พวกเราพยายามผลักดัน พล.อ. ประวิตร มาเป็นผู้นำประเทศ ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ตนเห็นว่า พล.อ. ประวิตร เหมาะสมที่สุด และไม่ได้มีความกังวลต่อการแลนด์สไลด์ของบางพรรคการเมือง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการกลับเข้ามายังพรรคพลังประชารัฐเป็นการดีลจับมือกับอีกขั้วการเมืองหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ ตอนนี้ทำให้พี่น้องได้กลับมาเป็น ส.ส. ให้มากที่สุดดีกว่า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลังเลือกตั้งหากพรรคขั้วการเมืองเดิมยังชู พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จะยังยกมือให้หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเองไม่สามารถกำหนดหรือให้คำตอบได้ว่าจะสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ หรือไม่ โดยต้องฟังนโยบายก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากับ พล.อ. ประยุทธ์ สามารถลืมอดีตเพื่อเริ่มต้นใหม่ได้หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่คิดทะเลาะกับใคร และต้องการทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ประเทศชาติ และมีประชาชนเป็นที่ตั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากระแสพรรคพลังประชารัฐในปี 2562 และก่อนเลือกตั้งครั้งหน้านี้มีความแตกต่างกันหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า มีความแตกต่างอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ถือว่าเป็นนโยบายที่โดดเด่นตลอด 4 ปี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพลังประชารัฐที่ไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้วนั้นจะเป็นอย่างไร ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า “เราอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย เอาเป็นว่าเราสนับสนุน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ”