เว็บไซต์ข่าว Global Times ของทางการจีนรายงานว่า มหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปีของจีนอย่าง ‘วันคนโสด’ ซึ่งตรงกับวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยในปีนี้ท่ามกลางการระบาดของโควิดที่ยังมีอยู่ ทำให้อีคอมเมิร์ซหลายรายในจีน นำโดยยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba เดินหน้ากระตุ้นยอดขายด้วยการขยายระยะเวลาช้อปปิ้ง โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงกลางคืนของวันอาทิตย์ (31 ตุลาคม) ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ JD.com รายงานว่า เพียงแค่ 2 ชั่วโมงที่ประกาศเริ่มเทศกาลช้อปปิ้ง ก็มีชาวจีนมากกว่า 1 ล้านคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยหาซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เพียงแค่ 1 ชั่วโมงแรกของเทศกาลวันคนโสด ก็มียอดขายมากกว่ายอดขายทั้งวันของวันเทศกาลคนโสดในวันแรกของปีที่แล้วรวมกัน ส่วนยอดขายเครื่องสำอางทำสถิติสูงสุดใหม่ในเวลาเพียงแค่ 4 ชั่วโมง
ด้าน Tmall ของ Alibaba Group ก็ไม่น้อยหน้า โดยมีรายงานว่ากว่า 2,600 แบรนด์สามารถทำสถิติยอดขายสูงสุดได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ไม่แตกต่างจากปีที่แล้วมากนัก
โดยแม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า ประเมินจากสถานการณ์เริ่มต้นในปีนี้ คาดว่ายอดขายวันคนโสดปี 2021 จะมีโอกาสพุ่งทำสถิติสูงสุดประวัติการณ์รอบใหม่ได้ไม่ยากแน่นอน
ความหวังที่ยอดการใช้จ่ายจะสะพัดในช่วงเทศกาลคนโสดของจีนในครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของจีนเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 50 ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่สอง ส่งสัญญาณเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ CNN ได้สอบถามความเห็นจากนักวิเคราะห์หลายสำนักที่ส่วนใหญ่ลงความเห็นสรุปไปในทิศทางเดียวกันว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้มีโอกาสขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า เนื่องจากต้องเผชิญปัจจัยปัญหาที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงปลายปี ทั้งประเด็นด้านวิกฤตขาดแคลนพลังงาน ปัญหาการขนส่งทางเรือที่ติดขัดล่าช้า ปัญหาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อที่ฉุดการใช้จ่ายของผู้บริโภค และปัญหาความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาดของโควิด
แม้ว่าทางการจีนจะเร่งเข็นมาตรการออกมาแก้ปัญหา เช่น การเพิ่มการนำเข้าถ่านหินจำนวนมากเพื่อนำผลิตพลังงานใช้ในประเทศ แต่บรรดานักวิเคราะห์กลับมองว่ามาตรการดังกล่าวไม่มีผลต่อการบรรเทาปัญหาในทันทีอย่างที่ตลาดต้องการให้เป็น
ขณะเดียวกัน จีนยังมีปัญหาหนักในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องจัดการ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ส่งสัญญาณชะลอการลงทุนเรียบร้อยแล้ว ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าจะส่งผลสั่นคลอนระบบการเงินของจีนได้
ยิ่งไปกว่านั้น การที่จีนให้ความสำคัญกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero COVID Policy ทำให้จีนมีโอกาสที่จะประกาศล็อกดาวน์ได้ทุกเมื่อหากพบการระบาดระลอกใหม่ในพื้นที่ ซึ่งส่งผลให้การฟื้นตัวในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วง 2-3 ไตรมาสนับจากนี้