วันนี้ (3 กรกฎาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) ในช่วงหารือของสมาชิก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ร่วมอภิปรายเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีการทำข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ในการเสนอชื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดยพิธาระบุว่า เรื่องที่ขอปรึกษาหารือถามความคืบหน้าในวันนี้ ประกอบด้วย 3 ประเด็น คือ
1) การทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
2) ความคืบหน้าการนิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อความยุติธรรม นิติรัฐ นิติธรรม แก้วิกฤตทางการเมือง คนไทยเห็นต่างไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องลี้ภัย
3) การแก้ไขกฎหมายเพื่อปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นและบรรจุในวาระของสภาแล้ว, ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่ติดอยู่ที่นายกรัฐมนตรี เพราะถูกตีความว่าเป็น พ.ร.บ. การเงิน ทั้งหมดเพื่อปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ทั้งหมดเป็นเนื้อหาในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่พวกเราพรรคการเมืองต่างๆ เคยทำร่วมกันเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ไม่ใช่ MOU จัดตั้งรัฐบาล แต่เป็น MOU ที่เกี่ยวกับการยื่นเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งประธานสภาและรองประธานสภาทั้งสองท่านที่ยังดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน พร้อมสัญญาในการผลักดันวาระที่ก้าวหน้าเพื่อประชาชน
ดังนั้น ขอปรึกษาประธานสภาเพื่อฝากไปยังนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้แทนราษฎร และพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ร่วมผลักดันวาระเหล่านี้ตามที่เคยสัญญาไว้ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด
วันนี้เมื่อปีที่แล้ว MOU ประธานสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคในขณะนั้น พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงการเสนอชื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดยพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลมีมติเสนอชื่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภา โดยให้ สส. จากพรรคก้าวไกลเป็นรองประธานสภาคนที่ 1 และให้ สส. จากพรรคเพื่อไทยเป็นรองประธานสภาคนที่ 2 โดยอีก 6 พรรคที่เหลือพร้อมให้การสนับสนุนบุคคลที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานสภาและรองประธานสภา พร้อมผลักดันวาระที่ทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชน