กลุ่มวิจัย KFF ในสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับการก่อความรุนแรงด้วยอาวุธปืนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 เมษายน) โดยพบว่า ชาวอเมริกันในกลุ่มผู้ใหญ่ 1 ใน 5 คน มีสมาชิกครอบครัวที่เสียชีวิตด้วยอาวุธปืน ซึ่งรวมถึงการฆ่าตัวตาย และพบว่า ในจำนวนใกล้เคียงกันนี้เคยถูกขู่ฆ่าด้วยปืนมาก่อน
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับปืนในสหรัฐฯ เช่น เหตุกราดยิง ฆ่าตัวตาย หรืออุบัติเหตุ ฯลฯ แทบจะกลายเป็นเรื่องปกติของชาวอเมริกัน
โดยผลสำรวจซึ่งจัดทำเมื่อเดือนมีนาคม และอ้างอิงความคิดเห็นจากชาวอเมริกันกลุ่มผู้ใหญ่จำนวน 1,271 คน พบว่า ราว 84% มีความเห็นว่าต้องระมัดระวังและป้องกันตนเองและครอบครัวจากอันตรายของปืน
ขณะที่กว่า 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจครั้งนี้เผยว่า พยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในฝูงชนจำนวนมาก เนื่องจากกลัวความเป็นไปได้ที่อาจเกิดเหตุรุนแรงจากปืน และกว่า 29% ยังซื้อปืนเพื่อหวังจะปกป้องตนเองและสมาชิกครอบครัวจากอันตราย
การเปิดเผยผลสำรวจดังกล่าวมีขึ้นหลังเกิดเหตุกราดยิงที่ธนาคารในเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน และก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ก็เกิดเหตุมือปืนบุกเข้าไปกราดยิงภายในโรงเรียนประถมที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน รวมเด็ก 3 คน
จากข้อมูลของ KFF ที่เผยแพร่เมื่อปี 2022 ยังพบว่า มีผู้เสียชีวิตจากการสังหารหมู่ อุบัติเหตุ หรือการยิงเพื่อป้องกันตัว จำนวน 20,249 คน และมีกว่า 24,000 คนที่ใช้ปืนเพื่อฆ่าตัวตาย
นอกจากนี้ยังพบว่า 41% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันอาศัยอยู่ในบ้านที่มีปืน และ 44% ของบ้านเหล่านั้นเก็บปืนไว้ในจุดที่ไม่มีการล็อกหรือป้องกันการเข้าถึง
ภาพ: Matthew Hatcher / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: