จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในมณฑลเหอหนาน ทางภาคกลางของจีน เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 33 ราย และมีสูญหายอีก 8 ราย ขณะที่ทางการยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตและกู้ภัยในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำ
มณฑลเหอหนานเผชิญกับฝนตกหนักตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำเอ่อล้นแม่น้ำและเขื่อนจนไหลทะลักท่วมท้องถนนและบ้านเรือน ส่งผลให้ประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพหนีน้ำ
มณฑลเหอหนานซึ่งมีประชากร 99 ล้านคน เป็นหนึ่งในมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดและยากจนที่สุดของจีน เต็มไปด้วยพื้นที่เพาะปลูกและโรงงาน โดยทางการเหอหนานเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (22 กรกฎาคม) ว่า ภัยพิบัติครั้งนี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 1.22 พันล้านหยวน (ประมาณ 190 ล้านดอลลาร์)
เจิ้งโจว ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑล เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิต 12 คนหลังจากติดอยู่ในรถไฟใต้ดินสายหนึ่งเป็นเวลาหลายชั่วโมง นอกจากนี้อำเภอและหมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่งในเจิ้งโจวก็เผชิญกับฝนตกและน้ำท่วมหนักเช่นกัน
ส่วนในเมืองกงอี้ ทางตะวันตกของเจิ้งโจว มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย เนื่องจากน้ำไหลทะลักท่วมถนน นอกจากนี้ฝนตกหนักยังทำให้ดินถล่มเป็นวงกว้าง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการกู้ภัย ขณะที่ในเมืองซินเซียง ระดับน้ำในแม่น้ำสูงเกินขีดอันตราย และน้ำในอ่างเก็บน้ำ 7 แห่งล้นทะลัก ส่งผลกระทบต่อ 58 อำเภอ และประชากร 470,000 คน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ People’s Daily
วิดีโอจำนวนมากที่แชร์กันบนโซเชียลมีเดียของจีนเผยให้เห็นความรุนแรงของน้ำท่วมครั้งนี้ โดยผู้ใช้ WeChat และ Weibo ซึ่งเป็นสองแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ต่างโพสต์ขอความช่วยเหลือ อีกทั้งมีการแชร์รูปภาพและข้อมูลของสมาชิกในครอบครัวที่สูญหาย
โดยคลิปวิดีโอที่สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวจีนทั่วประเทศคือคลิปวิดีโอบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถไฟใต้ดินสาย 5 ของเจิ้งโจว
ผู้โดยสารรถไฟใต้ดินหลายร้อยคนติดอยู่ในตู้รถไฟในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของเย็นวันอังคาร เนื่องจากมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลทะลักเข้ามาในอุโมงค์และซึมเข้าไปในตู้โดยสาร โดยคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นภาพของผู้โดยสารที่พยายามยึดราวจับบนเพดานเอาไว้แน่นเพื่อให้ศีรษะอยู่เหนือระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนวิดีโออีกคลิปหนึ่ง เผยให้เห็นภาพศพหลายศพนอนเรียงรายอยู่บนชานชาลา ในขณะที่หน่วยกู้ภัยกำลังทำ CPR เพื่อช่วยชีวิตคนอื่นๆ
ผู้หญิงคนหนึ่งได้เขียนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบน Weibo โดยเธอเล่าว่าน้ำเริ่มซึมเข้าสู่รถไฟใต้ดินหลังจากที่ขบวนรถวิ่งมาหยุดระหว่างสองสถานี เจ้าหน้าที่รถไฟใต้ดินได้สั่งให้ผู้โดยสารออกจากรถไฟและอพยพผ่านอุโมงค์ แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้รับคำสั่งให้หันหลังกลับเพราะมีน้ำท่วมสูงอยู่ข้างหน้า
เมื่อทั้งหมดกลับเข้าไปขบวนรถไฟใต้ดิน ระดับน้ำก็สูงขึ้นมาจนถึงเอวของพวกเขาแล้ว และสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีน้ำเข้ามาในอุโมงค์มากขึ้นและไหลผ่านช่องว่างระหว่างประตูรถใต้ดิน
“เราพยายามยืนบนที่นั่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นน้ำก็สูงขึ้นจนถึงระดับหน้าอก” เธอเขียน “ฉันกลัวจริงๆ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่น้ำ แต่เป็นอากาศในตู้รถไฟที่ลดน้อยลง หลายคนดูเหมือนจะหายใจลำบาก”
เธอได้ยินผู้หญิงอีกคนให้รายละเอียดบัญชีธนาคารแก่ครอบครัวทางโทรศัพท์ และสงสัยว่าเธอควรทำแบบเดียวกันหรือไม่ เธอส่งข้อความถึงแม่ของเธอ แต่เมื่อแม่ของเธอโทรกลับมาหา เธอกลับพูดไม่ออก เธอบอกกับแม่ว่าเธอยังคงรอการช่วยเหลือและวางสายไป และใช้เวลาอีกสองชั่วโมงครึ่ง “อยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย”
ในที่สุดเธอก็หมดสติไปเพราะขาดออกซิเจน แต่ตื่นขึ้นในเวลาต่อมาเพราะโทรศัพท์สั่น โดยแม่ของเธอโทรมาบอกว่ากู้ภัยกำลังจะไปช่วย และในตอนนั้นเองเธอได้ยินเสียงฝีเท้าบนรถไฟ และนักดับเพลิงก็เริ่มทุบหน้าต่างเพื่อให้อากาศเข้ามา ผู้โดยสารถูกช่วยออกไปทีละคนทีละคน โดยคนที่หมดสติจะถูกส่งออกไปก่อน ตามด้วยผู้หญิง อย่างไรก็ตาม โพสต์ของเธอถูกลบออกไปในเวลาต่อมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่ CNN ไม่สามารถยืนยันบัญชีของเธอได้
ผู้หญิงอีกคนหนึ่งเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ China Youth Daily ของรัฐบาลว่า เธอหยุดร้องไห้ไม่ได้เมื่อเห็นน้ำไหลเข้ามาในรถไฟ รอบตัวเธอก็มีแต่คนร้องไห้เช่นกัน นอกจากนี้ผู้คนต่างปลอบโยนกัน ก่อนที่จะค่อยๆ เงียบเสียงลง เพราะหลายคนเลือกที่จะอยู่เงียบๆ เพื่อรักษาพลังงาน บางคนพยายามโทรหาครอบครัวและเพื่อนฝูงเพื่อขอให้ช่วย จนกระทั่งเวลา 21.00 น. น้ำในรถไฟสูงถึงระดับคอ บางคนเริ่มตัวสั่น อาเจียน และหอบหายใจ
“ตอนนั้นฉันกลัวมาก เมื่อฉันเห็นน้ำที่นอกหน้าต่างสูงกว่าระดับศีรษะของเรา ฉันกำลังเตรียมตัวเตรียมใจที่จะยอมรับว่าฉันอาจไม่สามารถออกไปได้” เธอกล่าว
ทางการเปิดเผยว่า ผู้โดยสารมากกว่า 500 คนได้รับการช่วยชีวิตออกจากอุโมงค์รถไฟใต้ดิน ขณะที่มีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บอีก 5 คนจากเหตุการณ์นี้ โดยในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวเมื่อค่ำวันพุธ เจ้าหน้าที่ได้อยู่ในความสงบเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต
ทางการเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 6,000 คน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทหารและสมาชิกกองกำลังทหารพราน 2,000 นายถูกส่งไปยังพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
เจ้าหน้าที่สถานีอุตุนิยมวิทยาประจำมณฑลเหอหนานคาดการณ์ว่า จะมีฝนตกหนักลงมาอีกในวันพฤหัสบดี ก่อนที่จะลดลงในวันศุกร์
แม้ว่าน้ำท่วมในฤดูร้อนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกปีในพื้นที่บางส่วนของจีน แต่ปริมาณน้ำฝนที่สูงเป็นประวัติการณ์ได้สร้างความกังวลให้กับนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่จีน ที่ตั้งคำถามว่าจีนมีความพร้อมที่จะรับมือกับสภาพอากาศที่รุนแรงและคาดเดาไม่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือไม่
หลิวจวินหยาน หัวหน้าโครงการสภาพภูมิอากาศและพลังงานของกรีนพีซ ประจำกรุงปักกิ่ง ระบุในแถลงการณ์ล่าสุด พร้อมกับการเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศรุนแรงในเมืองใหญ่ของจีน โดยเฉพาะ “พื้นที่ต่างๆ ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นเขตอุตสาหกรรมนั้น กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก”
เจ้าหน้าที่เหอหนานเปิดเผยว่า ฝนตกหนักอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีฝนตกในเจิ้งโจวมากกว่า 20 เซนติเมตร (7.8 นิ้ว) ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงในช่วงบ่ายวันอังคาร หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำฝนทั้งปีของปีที่แล้ว
สถานีอุตุนิยมวิทยาของเจิ้งโจวอธิบายระดับน้ำฝนในเจิ้งโจวว่ามากที่สุดในรอบหนึ่งพันปี ขณะที่กรมทรัพยากรน้ำของเหอหนานระบุว่า ระดับน้ำฝนในพื้นที่บางส่วนของมณฑลนั้นมากที่สุดในรอบ 5,000 ปี
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เฉินเถา จากศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ปฏิเสธคำอธิบายดังกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่ง โดยกล่าวว่าเป็นเรื่องยากที่นักอุตุนิยมวิทยาจะสรุปเช่นนั้นหากไม่มีข้อมูลระยะยาวที่เชื่อถือได้ เนื่องจากจีนบันทึกปริมาณน้ำฝนย้อนหลังไปถึงปี 1951 เท่านั้น
ภาพ: Zhang Zong / VCG via Getty Images
อ้างอิง:
