บุญยง ตันสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยข้อมูลกับ THE STANDARD ถึงแนวทางการกลับมาเปิดให้บริการร้านอาหารในเครืออีกครั้ง ในกรณีที่รัฐบาลอาจจะประกาศผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ พร้อมให้สถานที่สาธารณะต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการตามปกติหลังจากวันที่ 1 พฤษภาคมนี้
ปัจจุบัน เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป มีจำนวนร้านอาหารในกรุงเทพฯ 163 ร้าน โดยยังเปิดให้บริการในบางส่วนรวมกว่า 100 สาขา ทั้งที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าและแบบสแตนด์อโลน โดยปิดให้บริการโซนนั่งทานภายในร้าน แต่ยังให้บริการผ่านรูปแบบการซื้อกลับไปรับประทานและเดลิเวอรีจัดส่งตามที่พักอาศัย ออฟฟิศ
สำหรับยอดขายในช่วงที่ผ่านมา บุญยงกล่าวว่า ทุกๆ ธุรกิจของเซ็น เมื่อไปโฟกัสที่การให้บริการแบบเดลิเวอรี ทำให้เซ็นมียอดขายในปัจจุบันลดลงเหลือ 20% ของยอดขายในช่วงสถานการณ์ปกติ เนื่องจากช่องทางรายได้ส่วนใหญ่ของธุรกิจร้านอาหารจะมาจากการนั่งรับประทานในร้านเป็นหลัก
ในแง่ของการเตรียมความพร้อม การกลับมาเปิดให้บริการร้านอาหารอีกครั้งในอนาคต ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น เผยว่า ได้เริ่มกระบวนการเตรียมความพร้อมกลับมาให้บริการเป็นระยะเวลากว่า 2-3 สัปดาห์แล้ว เพื่อให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างทางสังคม และสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ พนักงาน
“เมื่อกลับมาให้บริการอีกครั้ง ผมมองว่าพื้นที่การให้บริการในร้านอาหารอาจจะหายไปเป็นสัดส่วนราว 40-50% เป็นอย่างต่ำ (การลดจำนวนโต๊ะและที่นั่งภายในร้าน) โดยรูปแบบการให้บริการในร้านก็จะให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งการเข้าคิว รอคิว การใช้อุปกรณ์ส่วนกลาง (เมนูอาหาร) รวมถึงการทำพาร์ทิชันกั้น เพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยในการเข้าใช้บริการ”
ขณะที่ประเด็นอาหารญี่ปุ่นประเภท ‘ซาชิมิ’ ที่ไม่ผ่านความร้อน ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไม่ถูกสุขลักษณะ บุญยงยืนยันว่า ในช่วงที่ผ่านมา เซ็น กรุ๊ป ได้ยกเลิกการให้บริการครัวเย็น งดขายอาหารสดมาสักระยะแล้ว เพื่อคลายความกังวลให้กับผู้บริโภค
และหากสามารถกลับมาเปิดให้บริการตามปกติหลังจากวันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป เซ็น กรุ๊ป ก็ยังจะเน้นการให้บริการในช่วงแรกๆ ผ่านครัวร้อนเป็นหลัก จนกว่าสัญญาณและท่าทีตอบรับจากฝั่งผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้น ถึงจะตัดสินใจกลับมาเปิดให้บริการครัวเย็นอีกครั้ง
บุญยง ตันสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยข้อมูลกับ THE STANDARD ถึงแนวทางการกลับมาเปิดให้บริการร้านอาหารในเครืออีกครั้ง ในกรณีที่รัฐบาลอาจจะประกาศผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ พร้อมให้สถานที่สาธารณะต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการตามปกติหลังจากวันที่ 1 พฤษภาคมนี้
ปัจจุบัน เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป มีจำนวนร้านอาหารในกรุงเทพฯ 163 ร้าน โดยยังเปิดให้บริการในบางส่วนรวมกว่า 100 สาขา ทั้งที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าและแบบสแตนด์อโลน โดยปิดให้บริการโซนนั่งทานภายในร้าน แต่ยังให้บริการผ่านรูปแบบการซื้อกลับไปรับประทานและเดลิเวอรีจัดส่งตามที่พักอาศัย ออฟฟิศ
สำหรับยอดขายในช่วงที่ผ่านมา บุญยงกล่าวว่า ทุกๆ ธุรกิจของเซ็น เมื่อไปโฟกัสที่การให้บริการแบบเดลิเวอรี ทำให้เซ็นมียอดขายในปัจจุบันลดลงเหลือ 20% ของยอดขายในช่วงสถานการณ์ปกติ เนื่องจากช่องทางรายได้ส่วนใหญ่ของธุรกิจร้านอาหารจะมาจากการนั่งรับประทานในร้านเป็นหลัก
ในแง่ของการเตรียมความพร้อม การกลับมาเปิดให้บริการร้านอาหารอีกครั้งในอนาคต ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น เผยว่า ได้เริ่มกระบวนการเตรียมความพร้อมกลับมาให้บริการเป็นระยะเวลากว่า 2-3 สัปดาห์แล้ว เพื่อให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างทางสังคม และสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ พนักงาน
“เมื่อกลับมาให้บริการอีกครั้ง ผมมองว่าพื้นที่การให้บริการในร้านอาหารอาจจะหายไปเป็นสัดส่วนราว 40-50% เป็นอย่างต่ำ (การลดจำนวนโต๊ะและที่นั่งภายในร้าน) โดยรูปแบบการให้บริการในร้านก็จะให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งการเข้าคิว รอคิว การใช้อุปกรณ์ส่วนกลาง (เมนูอาหาร) รวมถึงการทำพาร์ทิชันกั้น เพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยในการเข้าใช้บริการ”
ขณะที่ประเด็นอาหารญี่ปุ่นประเภท ‘ซาชิมิ’ ที่ไม่ผ่านความร้อน ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไม่ถูกสุขลักษณะ บุญยงยืนยันว่า ในช่วงที่ผ่านมา เซ็น กรุ๊ป ได้ยกเลิกการให้บริการครัวเย็น งดขายอาหารสดมาสักระยะแล้ว เพื่อคลายความกังวลให้กับผู้บริโภค
และหากสามารถกลับมาเปิดให้บริการตามปกติหลังจากวันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป เซ็น กรุ๊ป ก็ยังจะเน้นการให้บริการในช่วงแรกๆ ผ่านครัวร้อนเป็นหลัก จนกว่าสัญญาณและท่าทีตอบรับจากฝั่งผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้น ถึงจะตัดสินใจกลับมาเปิดให้บริการครัวเย็นอีกครั้ง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
