22 สิงหาคม ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือให้ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สอบสวนข้อเท็จจริง ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม, ตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล และคุณากร ปรีชาชนะภัย 3 ส.ส. พรรคเพื่อไทย จังหวัดสุรินทร์ ที่ไปต้อนรับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีระหว่างลงพื้นที่ตรวจภัยแล้งที่อำเภอเมืองสุรินทร์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมานิตย์และตี๋ใหญ่ได้กล่าวตอนหนึ่งกับ พล.อ. ประยุทธ์ ในเชิงอวยพรและสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งสวนทางกับอุดมการณ์ของพรรค ถือเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงและจริยธรรมความเป็น ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง
ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ พล.อ. ประยุทธ์ กรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบอยู่ แต่กลับมี ส.ส. ในพรรคออกมาใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยาม ส.ส. ในพรรคด้วยกันเองและพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงเป็นพฤติกรรมที่ส่อผิดวินัยและมาตรฐานจริยธรรมของพรรค ในข้อบังคับพรรคข้อที่ 113 ที่สมาชิกจะต้องยึดเจตนารมณ์และอุดมการณ์ นโยบายของพรรค และต้องไม่กระทำการใดๆ ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ศีลธรรม ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์พรรค และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างให้กับสมาชิก หรือ ส.ส. คนอื่นจะฝ่าฝืนฎระเบียบพรรคทำผิดวินัย จึงขอให้หัวหน้าพรรคตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบบุคคลทั้งสาม ซึ่งหากผิดจริงขอให้ดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับของพรรค
ด้าน สมพงษ์ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคมีความจำเป็นต้องมารับหนังสือ และจะนำไปตั้งกรรมการสอบสวนต่อไป ยอมรับว่าการอยู่ร่วมกันแบบคนหมู่มากอาจมีเหตุการณ์ที่กระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเรื่องนี้ตนเองก็เห็นด้วยที่ให้จะมีคณะกรรมการตรวสอบ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนแต่ถ้าผลสอบสวนออกมาพบว่าผิดจริงก็มีขั้นตอนลงโทษอยู่แล้ว ซึ่งตามข้อบังคับ ส.ส. สามารถตรวจสอบกันเองได้ โดยไม่ทำให้พรรคเสียหาย เพราะดูเรื่องการกระทำและความตั้งใจว่าอยู่ในระดับ พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่กระทบต่อเสถียรภาพของพรรค ส่วนหน้าที่ของผู้แทนราษฎรก็มีหน้าที่ของตนเอง และเชื่อว่าทุกคนทราบดีว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร อีกทั้งยังเชื่อว่ากรณีนี้จะไม่นำไปสู่การโหวตส่วนมติพรรคฝ่ายค้านอย่างแน่นอน และในการลงมติก็เป็นเรื่องสามารถตรวจได้ ส่วนจะต้องมีการกำชับการปฏิบัติตัวของ ส.ส. หรือไม่นั้น ไม่สามารถไปบังคับใครได้ และเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นการปรามใคร เพียงแต่เป็นแนวทางในการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมเท่านั้น
สมพงษ์ยังกล่าวถึงการเตรียมบุคคลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมตินายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะเป็นการสลับสับเปลี่ยนกัน ให้บุคคลที่ยังไม่ได้อภิปรายได้ร่วมอภิปราย ส่วนที่ วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า การอภิปรายจะใช้เวลาเพียงวันเดียว ต้องตกลงกับวิปรัฐบาลกันใหม่ เพราะฝ่ายค้านมองว่าน่าจะใช้เวลา 2-3 วัน ส่วนนายกรัฐมนตรีจะมาตอบด้วยตนเองหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาตนเองยังไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีมาตอบ เพราะอ้างว่าติดภารกิจ แต่นายกรัฐมนตรีเองพูดว่าไม่กลัวสภา จึงคิดว่าครั้งนี้คงต้องหาเวลามา ซึ่งพรรคฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ของตัวเองดีแล้ว และไม่สมควรที่จะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเดินทางมาตอบ เพราะได้เรียกร้องมาแล้วหลายครั้ง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า