วันนี้ (11 มีนาคม) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนข้อความแสดงความคิดเห็นผ่านทาง Facebook ถึงกรณีวัคซีนโควิด-19 เกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำ ระบุว่า
“เป็นที่วิตกกังวลกันว่าวัคซีน AstraZeneca จะใช้ในบ้านเรา มีข่าวในหลายประเทศหยุดใช้ชั่วคราว เพราะมีผู้ป่วยเกิดการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำ และมีการเสียชีวิต 1 ราย จากการศึกษาใน 3 ล้านรายที่ฉีดวัคซีน มีการป่วยเกิดขึ้น 22 คน หรือเทียบกับ 7 คนในล้านคนที่ฉีดวัคซีน
“แน่นอน เหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะวัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ จะต้องมีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ขณะที่อุบัติการณ์การเกิดการอุดตันของเส้นเลือดดำพบได้บ่อยในคนยุโรป อเมริกามากกว่าคนเอเชียถึง 3 เท่า”
ศ.นพ.ยง ระบุว่า “เราจะเห็นว่าเวลาขึ้นเครื่องบินจะมีการแนะนำเสมอให้กินน้ำให้มาก และให้ขยับตัว ขยับเท้า เพื่อป้องกันการเกิดภาวะการณ์ดังกล่าว ปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนที่ทำให้คนยุโรปมีโอกาสเป็นมากกว่าคนเอเชีย
“หลังจากเกิดเหตุการณ์ ทางประเทศอังกฤษได้ฉีดไปแล้วมากกว่า 11 ล้านคน ก็ไม่พบอุบัติการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ โรคดังกล่าวจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น โดยคนในยุโรปที่อายุเกิน 60 ปี จะมีอุบัติการณ์ประมาณ 5-13 ใน 1,000 คน
“Prof.Paul Hunter ระบุว่า ในภาวะปกติ ถ้าฉีดวัคซีนแล้วติดตามไป 1 เดือน ในคนที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ในช่วงเวลา 1 เดือนจะพบได้ถึง 400 ถึง 1,000 Episode ต่อประชากร 1 ล้านคน”
ศ.นพ.ยง ระบุอีกว่า “อย่างไรก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเป็นอาการที่พบร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีน อะไรก็ตามแต่ที่เกิดร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีนจำเป็นต้องมีการสอบสวน
“อย่างที่เคยกล่าวมาแล้วหลังการฉีดวัคซีนของ Pfizer ในนอร์เวย์และเกาหลีมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น แต่ต่อมาก็พิสูจน์ว่าการเสียชีวิตดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน วัคซีน Pfizer ก็ยังคงดำเนินการฉีดต่อไปอีกเป็นจำนวนมากหรือจะมากที่สุดก็ได้ในขณะนี้
“คนเอเชียอย่างประเทศไทยมีโอกาสเกิดโรคนี้น้อยกว่าคนยุโรปถึง 3 เท่า และวัคซีนที่ใช้ที่ทางยุโรปหยุดการใช้ใน Batch นี้ผลิตในยุโรป จึงมีการระงับใช้ไปไม่น้อยกว่า 6 ประเทศ แต่ว่าวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยผลิตจากโรงงานเกาหลี
“จากข้อมูลทั้งหมด คณะกรรมการโดยเฉพาะองค์การอาหารและยาจะต้องเป็นผู้กำหนดสำหรับประเทศไทยและจะต้องมาหารือร่วมกัน”
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: