วันนี้ (13 สิงหาคม) พงศธร ศรเพชรนรินทร์ หรือ โย ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขต 3 จังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ว่า ตนทำงานมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งมีการสร้างทีมเครือข่ายจังหวัดระยอง ช่วยเหลือทุกจังหวัดในภาคตะวันออก โดยการทำงานเบื้องหลัง ช่วยคิดยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง และช่วยตั้งแต่ นครชัย ขุนณรงค์ ลงสมัคร สส. เขตนี้ ช่วยวางแผนมาโดยตลอด และการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ลงสมัคร สส. บัญชีรายชื่อ อันดับที่ 52
พงศธรกล่าวว่า ตอนนี้พร้อมมาก เพราะรู้จักพื้นที่อยู่แล้ว รู้ดีว่าพื้นที่ไหนเป็นอย่างไร รู้ว่าคะแนนพื้นที่ไหนดีและไม่ดีบ้าง ทำให้รอบนี้เห็นโอกาสค่อนข้างเยอะจากกระแสของการลงพื้นที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คนให้กำลังใจจำนวนมากเพื่อให้กลับมารักษาตำแหน่ง สส. ของพรรคก้าวไกล และมองว่าไม่ใช่แค่เรื่องตำแหน่ง สส. เท่านั้น แต่ตนยังเห็นถึงความหวัง ความฝันของพี่น้องประชาชนชาวอำเภอแกลงและเขาชะเมา ที่อยากเห็นการเมืองแบบพรรคก้าวไกล อย่างตรงไปตรงมา รักษาคำพูด
เมื่อถามว่าอะไรเป็นจุดเด่นที่จะทำให้ประชาชนเลือกนั้น พงศธรกล่าวว่า ตนทำงานในพื้นที่มาก่อนและรู้จักทุกเขตทุกพื้นที่ในจังหวัดระยอง และตนมีความสัมพันธ์กับอำเภอเขาชะเมาตั้งแต่เมื่อ 22 ปีก่อน ตอนที่มีกรณีโรงโม่หิน ซึ่งตอนนั้นมีการระเบิดเขาและมีชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์นั้นทำให้ตนรู้สึกว่าบ้านเมืองบิดเบี้ยว ดังนั้นตนจึงทำงานการเมืองตั้งแต่เป็นนักศึกษา และต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่เมื่อปี 2549 จนมาทำงานการเมืองตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ลงทุกพื้นที่ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกือบทุกเรื่อง ทั้งเรื่องน้ำท่วม สถานที่ท่องเที่ยว และประมง ซึ่งทุกๆเรื่องตนอยู่เบื้องหลังการทำงานมาโดยตลอด จึงเป็นคนที่รู้ดีมากที่สุดของพรรค และสามารถทำงานได้ต่อเนื่องทันที โดยจะยังมี นครชัย หรือ ไอซ์ ช่วยงานอยู่ รวมถึงทีม สส. ทีมเดิม
พงศธรกล่าวอีกว่า ตนมั่นใจมากที่จะชนะการเลือกตั้ง ไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้แพ้ และแน่นอนว่าผลการเลือกตั้งซ่อมจะสะท้อนภาพการเมืองใหญ่ได้ เพราะอยู่ในช่วงจัดตั้งรัฐบาล และจากการที่ตนไปสัมผัสประชาชน รู้สึกเหมือนกันว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นอยู่ไม่เห็นหัวประชาชน เสียงประชาชนไม่มีความหมาย ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการสะท้อนเสียงของประชาชนที่จะส่งเสียงถึงทุกคนในประเทศว่า ประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศนี้
ทั้งนี้ พงศธรไม่รู้สึกกังวลว่าคนจะเปลี่ยนใจไม่เลือกก้าวไกล เพราะพรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่าการทำงานฝ่ายค้านก็ทำงานได้ดี โดยเฉพาะนโยบายของพรรค ก็เป็นอำนาจนิติบัญญัติที่พรรคก้าวไกลมีเสียง 151 เสียงที่จะเสนอกฎหมายเข้าสภาได้ ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็จะเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับนโยบายของพรรคเข้าสู่สภาแน่ๆ และประชาชนจะได้เห็นว่าพรรคก้าวไกลพร้อมยกมือสนับสนุนกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และจะได้เห็นว่า สส. พรรคไหนบ้างที่จะสนับสนุนกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
