วันนี้ (31 ตุลาคม 2568) เงินเยนญี่ปุ่นเมื่อเทียบกับเงินบาท (JPY/THB) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 0.207 – 0.210 บาทต่อเยน โดยระดับ 20.77 บาทต่อ 100 เยนนี้ นับเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบราว 28 ปี หรือตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินเอเชีย ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตัดสินใจลอยตัวค่าเงินบาท
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในช่วงก่อนลอยตัวค่าเงินบาทนั้น JPY/THB เคยเคลื่อนไหวที่ระดับ 20.5 บาทต่อ 100 เยน เมื่อเดือนเมษายน 1997

ทำไมเงินเยนอ่อนค่าลง?
สำหรับปัจจัยที่กดดันให้เงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า เป็นผลมาจากตลาดผิดหวัง การประชุมดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา จึงเทขายเงินเยนออกมา หลังจาก BOJ มีท่าทีชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยมีมติ 7 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5% ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อ ที่อยู่เหนือกรอบเป้าหมายที่ 2%
อย่างไรก็ตาม รุ่งมองว่า การเคลื่อนไหวของเงินเยนในทิศทางที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นการอ่อนค่าลงในระยะสั้น เนื่องจากได้รับแรงกดดันทางการเมือง หลังจากที่ซานาเอะ ทากาอิจิ ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น ซึ่งสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (Dovish) โดยต้องการรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลัง โดยเน้นการลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยี
มีโอกาส 100 เยนจะถึง 19- 20 บาท หรือไม่?
รุ่งยังมองว่า การอ่อนค่าของเงินเยนรอบนี้น่าจะเป็นการอ่อนค่าระยะสั้นเท่านั้น โดยไม่น่าจะเกิดกรอบล่างที่ประมาณ 20.75 บาทต่อ 100 เยน พร้อมทั้งมองว่า เงินเยนเทียบบาท ไม่น่ามีโอกาสอ่อนค่าหนัก ลงไปถึงระดับ 19-20 บาทต่อ 100 เยน
โดยในระยะต่อไป ช่วงไตรมาส 1/2569 รุ่งคาดว่า เงินเยนจะกลับมาแข็งค่าขึ้นที่ราว 21.50 บาท จากแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BOJ เพื่อสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี รุ่งตั้งข้อสังเกตว่า มีอีกปัจจัยสำคัญที่จะจำกัดการอ่อนค่าของเงินเยนได้ คือ ข้อตกลงเกี่ยวกับการดูแลนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่น
โดยสหรัฐฯ กำหนดให้ประเทศคู่ค้าต่างๆ ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงินต่างๆ รวมถึง เงินสำรองระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศคู่ค้าปล่อยให้สกุลเงินท้องถิ่นอ่อนค่า เพื่อสร้างความได้เปรียบทางเศรษฐกิจและการค้า
“คาดว่ารัฐบาลทรัมป์ จะจับตาการเคลื่อนไหวของเงินเยนไม่ให้อ่อนค่าเกินไป จนกระทบดุลการค้ากับสหรัฐฯ” รุ่งกล่าว


 
         
           
                                 
            





 
                                                     
                                         
                                             
                                                 
                                                     
                                                         
                 
                 
                 
                 
                 
                