×

ปีแห่งความเหนื่อย! ผลสำรวจชี้คนไทย 74% ยกปี 2568 เป็น ‘ปีที่แย่’ เตรียมรัดเข็มขัดปี 2569 ตัดงบสังสรรค์-งดซื้อของใหญ่

31.12.2025
  • LOADING...
ปีแห่งความเหนื่อย ผลสำรวจชี้คนไทย 74% ยกปี 2568 เป็น ‘ปีที่แย่’ เตรียมรัดเข็มขัดปี 2569 ตัดงบสังสรรค์-งดซื้อของใหญ่

อิปซอสส์ บริษัทด้านการวิจัยตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคระดับโลก ได้เปิดเผยรายงานฉบับล่าสุดที่สะท้อนภาพรวมความรู้สึกของคนไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ผ่านงานวิจัยชุด ‘What Worries Thailand? H2 2025’ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของประเด็นความกังวลหลักที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต โดยพบว่าความกังวลในระดับมหภาคได้หมุนเวียนเปลี่ยนทิศทางกลับมาสู่จุดเดิมที่เป็นรากเหง้าของปัญหาในสังคมไทยอีกครั้ง

 

จากข้อมูลการสำรวจพบว่า ประเด็นที่เคยสร้างความตื่นตระหนกอย่างความขัดแย้งทางการทหารระหว่างประเทศ ซึ่งเคยพุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้เริ่มคลี่คลายลงตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่กลับมาแทนที่และยึดครองพื้นที่ในจิตใจของคนไทยคือ ‘ปัญหาเชิงโครงสร้าง’ ที่เรื้อรังมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความโปร่งใสในระบบการบริหารจัดการหรือเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความเปราะบาง

 

พิมพ์ทัย สุวรรณศุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท อิปซอสส์ จำกัด ได้ขยายความถึงผลสำรวจชุดนี้ว่า เป็นการศึกษาต่อเนื่องที่ทำให้เห็นพลวัตทางความคิดของประชาชนคนไทยมาตั้งแต่ปี 2565 ข้อมูลรอบนี้ตอกย้ำให้เห็นว่าประชาชนกำลังกังวลกับปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันและความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ตัวเลขดีดตัวกลับมาสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

 

สิ่งนี้สะท้อนถึงความคาดหวังของสาธารณชนที่ต้องการเห็นความโปร่งใสในระบบราชการและการเมือง รวมถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาความเปราะบางภายในประเทศ นอกจากนี้ปัจจัยเรื่องการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมและสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน ยังคงเป็นแรงกดดันสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังสูงสุด ทั้งในแง่ของการใช้จ่ายและการดำเนินชีวิตประจำวัน

 

เมื่อเจาะลึกถึง 5 อันดับแรกของความกังวลในเดือนพฤศจิกายน 2568 พบว่า การทุจริตทางการเงินและการเมือง หรือ Financial/Political Corruption ได้กลับมาครองอันดับสูงสุดที่ 49% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อทิศทางการบริหารประเทศในระยะยาว

 

รองลงมาคือปัญหาความยากจนและ ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ทางสังคม ซึ่งยังคงเป็นประเด็นหลักที่เกาะกินความรู้สึกของคนไทยอยู่ที่ 36% สะท้อนให้เห็นว่าช่องว่างทางรายได้และโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่รอการแก้ไข ส่วนความขัดแย้งทางทหารระหว่างประเทศ แม้จะลดระดับความรุนแรงลงมาอยู่ที่ 29% แต่ก็ยังคงติดอยู่ใน 5 อันดับแรก ซึ่งแสดงว่าคนไทยยังคงจับตามองสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด

 

ประเด็นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือเรื่องของอาชญากรรมและความรุนแรง ที่กลับมาอยู่ในกลุ่มความกังวลสูงสุด 4 อันดับแรกที่ 27% โดยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 6 จุดเปอร์เซ็นต์จากเดือนก่อนหน้า การที่เรื่องนี้แซงหน้าความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ที่ 25% ชี้ให้เห็นว่าภัยคุกคามต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินกำลังกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้คนหวาดกลัวมากกว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นเสียอีก

 

สาเหตุหลักที่ทำให้อาชญากรรมกลายเป็นวาระสำคัญ น่าจะมาจากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ที่ระบาดหนักและสร้างความเสียหายในวงกว้าง ผลสำรวจระบุชัดเจนว่าคนไทยเกือบ 9 ใน 10 หรือ 88% รู้สึกถึง ‘ภัยคุกคาม’ จากการถูกแฮ็กข้อมูลเพื่อการฉ้อโกง ซึ่งตัวเลขนี้จัดอยู่ในอันดับ 1 ของโลก สะท้อนถึงความเปราะบางในโลกดิจิทัลที่คนไทยต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

 

นอกจากนี้ 87% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังรู้สึกกังวลกับการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนโดยเจตนาหรือข่าวปลอม ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ความกังวลเหล่านี้ทำให้ 77% ของคนไทยรู้สึกว่าโลกใบนี้อันตรายมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา และอีก 76% ยังต้องคอยระแวดระวังเรื่องการถูกละเมิดความปลอดภัยส่วนบุคคล ซึ่งบั่นทอนสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของประชากรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ในมิติด้านเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง โดย 76% ของคนไทยเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ใน ‘ภาวะถดถอย’ ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ว่าจะมีสัญญาณการลดลงของความรู้สึกเชิงลบอยู่บ้างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่ภาพรวมความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการเงินส่วนบุคคลยังคงมีความซับซ้อนและเปราะบางอยู่มาก

 

ความไม่มั่นใจในอนาคตส่งผลให้คนไทยเกิดความลังเลในการตัดสินใจซื้อทรัพย์สินชิ้นใหญ่ โดย 52% รู้สึกไม่มั่นใจที่จะซื้อบ้านหรือรถยนต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 57% เชื่อว่าภาวะเงินเฟ้อจะยังคงอยู่และต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีหรืออาจไม่มีวันกลับสู่ระดับปกติ ทำให้การวางแผนทางการเงินต้องเป็นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

 

เมื่อมองในปี 2569 คนไทยส่วนใหญ่เตรียมตัวที่จะ ‘รัดเข็มขัด’ และลดค่าใช้จ่ายเกือบทุกประเภทเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน โดยเฉพาะค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าแก๊สและค่าไฟฟ้า ที่ผู้บริโภคคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารและค่าเชื้อเพลิงรถยนต์ที่ต่างเป็นต้นทุนพื้นฐานในการดำรงชีวิต ทำให้ต้องมีการบริหารจัดการเงินในกระเป๋าอย่างเคร่งครัด

 

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการออกสังคมและสังสรรค์ก็มีแนวโน้มที่จะถูกตัดลดลงเป็นลำดับแรกๆ เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการสมัครสมาชิกบริการต่างๆ สถานการณ์นี้สอดคล้องกับความรู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน โดยคนไทยกว่า 4 ใน 10 หรือ 41% มีความมั่นใจน้อยลงเกี่ยวกับความมั่นคงในงานของตนเองและคนในครอบครัว ซึ่งเป็นปัจจัยลบที่ฉุดรั้งกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ

 

ความตึงเครียดในปัจจุบันทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าสนใจ คือการที่คนไทยจำนวนมากเริ่ม ‘โหยหาอดีต’ ผลสำรวจพบว่าเกือบ 4 ใน 10 ของคนไทยอยากย้อนเวลากลับไปเกิดในปี 2518 มากกว่าที่จะใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันปี 2568 โดยเชื่อว่าผู้คนเมื่อ 50 ปีก่อนมีความสุขมากกว่า ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงถึง 58% ในขณะที่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มองว่ายุคปัจจุบันมีความสุขมากกว่า

 

มุมมองเชิงบวกต่ออดีตนี้ปรากฏชัดเจนในทุกเจเนอเรชัน แต่จะเข้มข้นที่สุดในกลุ่ม Gen X และ Baby Boomers ที่เลือกอยากจะกลับไปอยู่ในอดีตเกินกว่าครึ่ง โดยให้เหตุผลในเรื่องของคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า ความสุขของผู้คนที่เรียบง่ายกว่า และที่สำคัญคือความรู้สึกปลอดภัยบนท้องถนนและการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในสังคมเมืองปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามยังคงยอมรับในข้อดีของยุคปัจจุบัน โดยมองว่าปี 2568 มีความโดดเด่นกว่าอดีตในด้านคุณภาพของระบบบริการสุขภาพและมาตรฐานการครองชีพ รวมถึงคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น ความขัดแย้งทางความรู้สึกนี้แสดงให้เห็นว่า แม้เราจะมีความก้าวหน้าทางวัตถุและเทคโนโลยี แต่สังคมไทยกำลังขาดแคลนความมั่นคงทางใจและคุณค่าทางสังคมที่เคยมีมา

 

สำหรับการประเมินสถานการณ์ในปี 2568 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป คนไทย 74% ลงความเห็นว่าเป็นปีที่แย่สำหรับประเทศไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 9 จุดจากปีที่แล้ว และอีก 57% มองว่าเป็นปีที่ไม่ดีสำหรับตนเองและครอบครัว ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความเหนื่อยล้าสะสมจากการเผชิญปัญหารุมเร้า ทั้งเรื่องปากท้อง การเมือง และภัยสังคมตลอดทั้งปีที่ผ่านมา

 

เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปี 2569 ที่กำลังจะมาถึง คนไทยได้วางแผนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดย 85% ตั้งใจจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูงให้มากขึ้น เพื่อสร้างเกราะป้องกันทางใจจากคนใกล้ชิด และ 82% วางแผนที่จะหันมาออกกำลังกายและดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมต่อสู้กับอุปสรรคและความท้าทายใหม่ๆ

 

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มการลดการเสพสื่อโซเชียลมีเดียลงเพื่อลดความเครียดจากการรับรู้ข่าวสารที่มากเกินไป และหันมาโฟกัสกับกิจกรรมที่สร้างความสุขได้จริง อิปซอสส์ได้ทิ้งท้ายข้อเสนอแนะสำหรับภาคธุรกิจว่า การจะเอาชนะใจผู้บริโภคในยุคนี้ แบรนด์ต้องรู้จักหาจุดสมดุลระหว่างการนำเสนอความก้าวหน้าใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการรักษาคุณค่าดั้งเดิมที่คนไทยยังคงถวิลหาอย่างลึกซึ้ง

 

ภาพ : ฐานิส สุดโต / THE STANDARD

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising