วันนี้ (12 มกราคม) พล.ต.ต. ธนิต จิรนันท์ธวัช นายแพทย์ (สบ.6) ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มงานพยาธิวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงกรณีมีผู้เสียชีวิตจากการเสพยาเคนมผงในหลายพื้นที่ จากการตรวจสอบสารเสพติดที่ตรวจยึดได้จากที่เกิดเหตุ พื้นที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) วัดพระยาไกร พบว่ามีส่วนผสมแตกต่างกัน 2 สูตร มีสูตรไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าจะนำส่วนผสมมารวมกันอย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพตามต้องการ ซึ่งหากสารทุกตัวมีมากก็อาจทำให้เสียชีวิตได้
โดยสูตรแรกประกอบด้วยเคตามีนและยานอนหลับไดอะซีแพม ส่วนสูตรที่สองประกอบด้วย เคตามีน เฮโรอีน และยาอี โดยทั้ง 2 สูตรไม่พบส่วนผสมของไอซ์และนมผงตามชื่อสูตรยา เชื่อว่าแหล่งที่มาของสารมาจากคนละแหล่ง
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตเนื่องจากมีการเสริมฤทธิ์ของยาเสพติดรุนแรงหลายชนิดที่นำมาผสมกัน โดยยาเคมีฤทธิ์กดประสาท ทำให้เคลิบเคลิ้ม ความดันโลหิตสูง ลดอัตราการหายใจ เพื่อเสพในปริมาณเยอะทำให้เสียชีวิต และหากมีส่วนผสมของยาอีที่มีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจก็จะทวีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ส่วนยานอนหลับเชื่อว่าผู้เสพนำมาผสมขึ้นเนื่องจากผู้เสพมีภาวะดื้อยาจึงนำยานอนหลับซึ่งหาได้ง่ายมาผสมเพื่อให้เกิดตัวยาใหม่ ทั้งนี้การผสมตัวยาหลายชนิดทำให้ไปกดผลข้างเคียงของยาชนิดอื่นทำให้ผู้เสพไม่รับรู้ถึงผลข้างเคียงและเสพเพิ่มขึ้น จนถึงขีดอันตราย
พล.ต.ต. ธนิต ยอมรับว่า มีการตรวจพบสูตรยาค็อกเทลในลักษณะนี้มานานแล้ว โดยมีการผสมมากสุด 3 ชนิด ซึ่งในต่างประเทศนิยมเสพยาค็อกเทล ลักษณะนี้ แต่การเสียชีวิตหมู่ 6 ศพถือว่าพบครั้งแรกที่เสียชีวิตพร้อมกันขณะนี้
ล่าสุดขณะนี้ สน. วัดพระยาไกร ได้ส่งผู้เสียชีวิตรายที่ 7 จากการเสพยาเคนมผงให้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจพิสูจน์ชันสูตรศพคาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ ฝากเตือนประชาชนว่ายาเคนมผงไม่ใช่สารเสพติดธรรมดาที่เสพได้ผลตามต้องการ แต่เป็นสารเสพติดรุนแรงหลายชนิดรวมกัน อันตรายร้ายแรง ทำให้เสียชีวิตได้โดยไม่คาดคิด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า