เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) รายงานผลประกอบการของ 2Q66 ที่กำไรสุทธิ 41 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 94 ล้านบาทใน 2Q65 และ 12 ล้านบาทใน 1Q66 โดยได้ปัจจัยหนุนจากส่วนของรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ควบคุมได้ รวมทั้งเป็นผลประกอบการที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 10 ไตรมาส
ใน 2H66 คาดว่าการเติบโตจะยังคงได้แรงหนุนจากปัจจัยของรายได้ดอกเบี้ย ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าที่เคยมองไว้จากการเติบโตของสินเชื่อที่สูงเด่นใน 2Q66 และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3Q66 ดังนั้นในปี 2566 คาดว่ารายได้กว่า 80% จะมาจากรายได้ดอกเบี้ยซึ่งเติบโต 200%YoY
สำหรับธุรกิจ AMC คาดว่าใน 4Q66 จะมีการประมูลหนี้ได้เพิ่มอีกประมาณ 500 ล้านบาทจาก Portfolio ปัจจุบันที่ 2,400 ล้านบาทเติบโตจาก 1Q66 ที่มีเพียง 500 ล้านบาท ธุรกิจ Asset Management (AM) ที่การขยายฐานลูกค้าทำได้ตามเป้าและเพิ่มพาร์ตเนอร์เป็น 16 แห่ง และอีก 3 แห่งอยู่ระหว่างการเจรจา ฝั่ง ICO Portal มี 3 ดีลที่อยู่ระหว่างการจัดตั้ง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน รวมมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และสาธารณูปโภค
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น XPG ปรับเพิ่มขึ้น 20.34%MoM สู่ระดับ 1.42 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 2.16%MoM สู่ระดับ 1,576.67 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research คาดการณ์ทิศทางของผลประกอบการใน 2H66 ว่าจะดีต่อเนื่อง และคาดว่า XPG ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยมองว่า
- รายได้จากดอกเบี้ยและสินเชื่อต่างๆ ยังอยู่ในขาขึ้น เนื่องจากสภาพคล่องของอุตสาหกรรมที่ลดงตั้งแต่ 2Q66 ทำให้บริษัทและนักลงทุนใช้ช่องทางเพิ่มสภาพคล่องผ่าน XPG ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 9-10%
- ความชัดเจนของข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ต่างๆ ในกลุ่ม ICO Portal และการทำ Tokenization จะหนุนให้ดีลที่รอการจัดตั้งสามารถดำเนินการได้หลังจากที่ล่าช้ามานาน ซึ่งนอกเหนือจาก 3 ดีลที่รอในมือ ซึ่งคาดว่าจะหนุนผลประกอบการในปี 2567 XPG มี ICO Portal อีก 7 ดีลที่อยู่ในมือ โดยคาดหวังรายได้จากการดีลที่เฉลี่ย 3-4% จากมูลค่าการจัดตั้ง และ XPG มีระบบและบุคลากรที่รองรับเพียงพอ
- ด้าน Digital Asset แม้สถานะของ Active Trading Accounts จะไม่โดดเด่น แต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น พร้อมทั้งมีโอกาสขยายธุรกิจเมื่อประชาชนเรียนรู้การใช้ Digital Wallet ในปี 2567
ซึ่งประเมินการคาดการณ์รายได้ของ XPG ในปี 2566 ได้ที่ 488 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 480%YoY) และคาดว่าใน 2H66 ผลประกอบการจะเป็นกำไรในทุกไตรมาส ดังนั้นคาดว่ากำไรสุทธิที่ 113 ล้านบาท พลิกจากปี 2565 ที่ขาดทุน 171 ล้านบาท โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งกำไรจาก KTX ที่ 95 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ และประเมินมูลค่าเหมาะสมของปี 2567 ที่ 20-3.10 บาทต่อหุ้น โดยใช้วิธี Valuation ด้วย PBV ที่ 2-2.8 เท่า โดยมองว่า XPG ยังคงเป็นตัวแทนที่ดีของการทำธุรกิจ S Curve บน Digital Asset แม้ที่ผ่านมาจะเผชิญความล่าช้าและการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ แต่คาดว่าจะชัดเจนและเริ่มมีสัดส่วนรายได้ที่สูงขึ้นในปี 2567 ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อและการลงทุนมองเป็นธุรกิจ Traditional ที่ยังคงเป็น Cash Cow ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ข้อกำหนดและบทกฎหมายของ Digital Asset ที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคต และโอกาสการตั้งสำรองหนี้หากเกิดการผิดนัดชำระหนี้