หนึ่งในความเคลื่อนไหวที่กำลังดุเดือดของรัฐบาลจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ในครั้งนี้ ก็คือการเดินหน้าจัดระเบียบระบบการแพทย์และสาธารณสุขทั่วประเทศจีน หลังอุตสาหกรรมดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีการยักยอก คอร์รัปชัน และติดสินบนมากที่สุดแห่งหนึ่งของจีน
รายงานระบุว่า ทันทีที่สีจิ้นผิงได้มีคำสั่งปราบปรามการทุจริตในโรงพยาบาลชั้นนำในเมืองฝูเจี้ยน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ระบบการเข้าถึงโรงพยาบาลทั่วถึงสำหรับทุกคน หลายฝ่ายก็ตระหนักดีว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือข้อความที่ชัดเจนจากรัฐบาลในการเข้าไปจัดระเบียบโรงพยาบาลทั่วประเทศ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับอุตสาหกรรมการศึกษาและอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองฝูเจี้ยนเริ่มกระจายเกิดขึ้นทั่วประเทศจีนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความพยายามอธิบายของสื่อทางการที่ระบุว่า สีจิ้นผิงต้องการปราบปรามการรับสินบนด้านการดูแลสุขภาพที่มีมูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นภารกิจที่ท้าทายที่สุดของรัฐบาลจีนเท่าที่เคยมีมา ก่อนย้ำว่า ผู้นำจีนต้องการทำความสะอาดภาคส่วนที่ถูกครอบงำโดยการติดสินบน การจ่ายเงินที่ไม่สุจริต และการยักยอกโดยผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลมาอย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตาม แม้เจตนาจะดี แต่วิธีการที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาและรุนแรงก็ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งต่างแสดงความกังวลว่า กรณีที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ค่อนข้างเปราะบางในปัจจุบัน เนื่องจากยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ดีจากวิกฤตโควิดที่เกิดขึ้น บวกกับการเผชิญหน้ากับมาตรการกีดกันทางการค้าของชาติตะวันตกที่ทำให้การเติบโตของจีนช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนหนึ่งชี้ว่า การปราบปรามจะทำให้ภาคธุรกิจโรงพยาบาลพลิกผันไปในทางลบได้ หากไม่มีการแก้ปัญหาที่ต้นตอของการคอร์รัปชันอย่างจริงจัง นั่นคือค่าจ้างแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต่ำกว่าที่ควร เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงสวัสดิการอื่นๆ จนบีบให้แพทย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำงานให้มากขึ้นและยอมรับเงินกำนัลเล็กๆ น้อยๆ
Eric Zhu นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Economics ประเมินว่า การกวาดล้างที่รุนแรงของรัฐอาจทำให้บรรดาโรงพยาบาลและแพทย์ ‘Lying Flat’ หมายถึงการที่อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร เพื่อไม่ให้เจ็บตัว ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะส่งผลเสียสำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ เริ่มมีรายงานว่า บรรดาแพทย์ต่างเริ่มระมัดระวังในการให้การรักษา เพราะกลัวว่าจะฝ่าฝืนกฎต่อต้านการรับสินบนที่ค่อนข้างคลุมเครือ ขณะเดียวกันก็มีการชะลอการสั่งซื้อสินค้าทางการแพทย์ มีการยกเลิกการประชุมสัมมนา และราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพต่างร่วงระนาว ส่วนอีกหลายบริษัทตัดสินใจยกเลิกการเสนอขายหุ้น IPO ทำให้นักลงทุนต่างชาติกังวลว่าจะเป็นชนวนที่ทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมากกว่าเดิม
จนถึงขณะนี้มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมากกว่า 180 แห่งทั่วจีน ที่เผชิญหน้ากับการปราบปรามกวาดล้างในขณะนี้ โดยส่วนใหญ่มาจากโรงพยาบาลและสถานพยาบาลในเมืองเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วมณฑลกวางตุ้ง เสฉวน และยูนนาน บ่งชี้ว่า จีนจะยังคงเดินหน้ากวาดล้างต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน เพื่อให้ครอบคลุมสถาบันการแพทย์ชั้นนำของประเทศในเมืองใหญ่ อย่างกรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้ต่อไป
ทั้งนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว อุตสาหกรรมการแพทย์และการดูแลสุขภาพของจีนกลับมีการเติบโตได้ดีระดับหนึ่ง เนื่องจากการเติบโตของประชากรสูงวัยและการขยายตัวของชนชั้นกลาง แต่ทว่าบุคลากรด้านการดูแลสุขภาพ รวมทั้งแพทย์ 4.4 ล้านคน และพยาบาล 5.2 ล้านคนทั่วจีน กลับไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ มากนักจากการเติบโตดังกล่าว นำไปสู่การตรวจสอบและการจัดระเบียบของรัฐบาลสีจิ้นผิงในครั้งนี้
อ้างอิง:
