ยก ‘สีจิ้นผิง’ เทียบเท่า ‘เหมาเจ๋อตุง’ พร้อมเปิดตัว Politburo คอมมิวนิสต์จีนชุดใหม่

พรรคคอมมิวนิสต์จีนยกย่องประธานาธิบดีสีจิ้นผิงให้มีระดับเทียบเท่าประธานเหมาเจ๋อตุง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน พร้อมบัญญัติชื่อและอุดมการณ์ผู้นำรายนี้ในรัฐธรรมนูญของประเทศ
ภายใต้การลงคะแนนที่ผลออกมาเป็นเอกฉันท์มีขึ้นภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ อันถือเป็นการประชุมทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
ผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 2,000 คน มารวมตัวกันในกรุงปักกิ่งเพื่ออนุมัติยกระดับ ‘ความคิดของสีจิ้นผิงในเรื่องสังคมนิยมกับตัวตนของจีนสำหรับยุคใหม่’ ให้เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายแม่
นิยามสำหรับยุคใหม่นี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนสื่อถึงบทที่สามของจีนยุคใหม่ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนอันหนักแน่นและโปร่งใสจะทำหน้าที่ในการสร้างความรุ่งเรืองให้แก่ประเทศอีกครั้ง
หลังการลงคะแนน สีจิ้นผิงได้ถามผู้เข้าร่วมว่า มีใครจะคัดค้านหรือไม่ ผู้คนต่างพากันตะโกนตอบด้วยเสียงกึกก้องว่า “ไม่มี”

‘เหมา’ ‘เติ้ง’ ‘สี’
ที่ผ่านมา เคยมีการเอาอุดมการณ์ของผู้นำจีนหลายรายไปรวมอยู่ในรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีใครอื่นเลยนอกเหนือจากเหมาเจ๋อตุงที่ปรัชญาของเขาถูกนำมาอธิบายในฐานะ ‘ความคิด’ อันถือเป็นลำดับชั้นสูงสุดของอุดมการณ์
นอกจากนี้ มีเพียงเหมาเจ๋อตุงและเติ้งเสี่ยวผิงที่มีการบัญญัติชื่อพร้อมอุดมการณ์ โดยส่วนของเติ้งเสี่ยวผิงได้รับการเพิ่มลงในรัฐธรรมนูญหลังเขาเสียชีวิตลงแล้ว
ความคิดของเหมาเจ๋อตุงเน้นในการรวมชาติหลังจากประสบภัยสงครามกลางเมือง ขณะที่ยุคเติ้งเสี่ยวผิงคือการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ
ส่วนความคิดของผู้นำจีนคนปัจจุบันต้องการเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความร่ำรวย รวมถึงการทำให้จีนมีความเข้มแข็งมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ พร้อมทั้งจัดระเบียบภายในประเทศ
การยกระดับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในครั้งนี้ ทำให้ภัยที่มีต่อเขาถือเป็นภัยต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงอ้างว่าสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์หลายคนวางแผนยึดอำนาจจากประธานาธิบดีสีจิ้นผิง อย่างไรก็ตาม คนที่ถูกกล่าวหาว่าวางแผนทั้งหมดถูกจับกุมหรือถูกขังคุกแล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต

โปลิตบูโรเทอมสอง ไร้ชื่อผู้สืบทอด
ในวันพุธที่ผ่านมา (25 ต.ค.) ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงพร้อมด้วยหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ร่วมเปิดตัวสมาชิกคณะโปริตบูโร (Politburo) อีก 5 ราย โดยทั้งหมดต่างมีอายุมากกว่า 60 ปี
โปลิตบูโรชุดนี้เต็มไปด้วยพันธมิตรของสีจิ้นผิง ที่สื่อถึงการออกนโยบายที่จะเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น
แม้จะมีการประกาศรายชื่อคณะโปลิตบูโรในเทอมที่ 2 ไปแล้ว แต่ผู้นำจีนยังไม่ได้ประกาศผู้ที่จะเข้ามาสืบทอดอำนาจแทนเขาตามธรรมเนียมปฏิบัติที่จะต้องมีขึ้นหลังเข้าสู่สมัยที่ 2
โจเซฟ ฟิวสมิธ ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์ประจำ Boston University ที่ทำการศึกษาการเมืองชนชั้นนำของประเทศมาตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี มองถึงประเด็นนี้ว่า “การประกาศรายชื่อผู้สืบทอดตำแหน่งจะทำให้สีจิ้นผิงดูเหมือนเป็นเป็ดโง่
“ผมเชื่อเสมอว่า สีจิ้นผิงเป็นคนที่จะครองตำแหน่งสามเทอม และมันค่อนข้างชัดเจนว่าสีจิ้นผิงเห็นตัวเองในฐานะหนึ่งในสามผู้นำใหญ่ หลังยุคเหมาเจ๋อตุงและเติ้งเสี่ยวผิง”
ช่วงวาระห้าปีแรกของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมุ่งเน้นไปในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงแสดงท่าทีว่าจะไม่วางตัวเป็นผู้นำแม้อำนาจของจีนจะเติบโตขึ้นก็ตาม พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการปะทะกับเกาหลีเหนือด้วย
“ความแข็งแกร่งของสีจิ้นผิงยังหมายถึง เขาไม่ต้องการจะยอมรับผู้สืบทอดอำนาจที่มาจากการตัดสินใจของผู้นำคนก่อนหน้า” ดาลี หยาง นักรัฐศาสตร์ประจำ University of Chicago กล่าว
“ในตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำที่ไม่มีใครขัดขวางแล้ว วาระห้าปีต่อจากนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าวาระห้าปีแรก”
การที่ประธานาธิบดีจีนยังไม่แต่งตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งถูกมองว่า จะต้องการอยู่ในคณะโปลิตบูโรต่อไป

สื่อตะวันตกประท้วง
รายงานข่าวระบุว่า สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักอย่าง BBC, Financial Times, The New York Times และ The Guardian ไม่ได้รับเชิญเข้ารับฟังปาฐกถาเปิดตัวโปลิตบูโรชุดใหม่
ทางการจีนไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการต่อกรณีดังกล่าว
Qiao Mu อดีตศาสตราจารย์ด้านสื่อที่ปัจจุบันเนรเทศตัวเองออกจากจีนไปอยู่ในสหรัฐอเมริกากล่าวว่า จีนทำการปิดกั้นสื่อ ‘เจ้าปัญหา’ โดยสะท้อนถึงความวิตกกังวลของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ไม่สามารถคุมโทนของสื่อตะวันตกได้