×

Xi Jinping พิจารณาแผน ‘Made-in-China’ ฉบับใหม่ แม้สหรัฐฯ เรียกร้องปรับสมดุลเศรษฐกิจ

27.05.2025
  • LOADING...
Xi Jinping

รัฐบาลของประธานาธิบดี Xi Jinping กำลังพิจารณาแผนแม่บทฉบับใหม่เพื่อส่งเสริมการผลิตสินค้าทางเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของจีนในการควบคุมภาคการผลิตอย่างเหนียวแน่น ในขณะที่ประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐฯ พยายามผลักดันให้โรงงานต่างๆ กลับไปตั้งในสหรัฐฯ มากขึ้น

 

เจ้าหน้าที่จีนกำลังร่างแผนใหม่ต่อยอดจากโครงการ “Made in China 2025” ของประธานาธิบดี Xi แผนในช่วง 10 ปีข้างหน้าจะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี เช่น อุปกรณ์การผลิตชิป และอาจใช้ชื่อเรียกที่แตกต่างออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงวิจารณ์จากประเทศตะวันตก

 

นอกจากนี้ ผู้วางแผนนโยบายของจีนยังเตรียมแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ที่จะเริ่มในปี 2026 โดยตั้งเป้ารักษาสัดส่วนภาคการผลิตในระบบเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่มั่นคงในระยะยาว ซึ่งสะท้อนว่าความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะผลักดันให้จีนลดการพึ่งพาภาคการผลิต อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด

 

แหล่งข่าวระบุว่า ในระหว่างการหารือ เจ้าหน้าที่ได้พูดคุยกันว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับ 5 ปีฉบับถัดไปควรกำหนดเป้าหมายเชิงตัวเลขเกี่ยวกับสัดส่วนของการบริโภคต่อ GDP ของจีนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดูเหมือนว่าทางการจะยังไม่สนับสนุนแนวคิดนี้ เนื่องจากกังวลว่าไม่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการกระตุ้นการใช้จ่ายของครัวเรือน และไม่ต้องการผูกมัดตัวเองกับตัวเลขเป้าหมายที่ชัดเจน

 

การหารือล่าสุดในกรุงปักกิ่งบ่งชี้ว่าจีนมีแนวโน้มจะยึดกลยุทธ์โดยรวมแบบเดิมเป็นส่วนใหญ่ แม้จะถูกสหรัฐฯ และยุโรปวิพากษ์วิจารณ์ว่าก่อให้เกิดความไม่สมดุลทางการค้าก็ตาม รัฐบาลของประธานาธิบดี Trump ผลักดันให้จีนหันมาเน้นการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น พร้อมทั้งใช้นโยบายควบคุมการส่งออกและการขึ้นภาษีเพื่อดำเนินยุทธศาสตร์ “แยกตัวเชิงยุทธศาสตร์” (Strategic Decoupling) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามทำให้สหรัฐฯ พึ่งพาตนเองในสาขาสำคัญ เช่น เหล็ก ยา และเซมิคอนดักเตอร์

 

การที่จีนปฏิเสธข้อเรียกร้องเหล่านี้ รวมถึงการคงมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก แสดงให้เห็นถึงความกังวลของจีนเองในด้านความมั่นคง และการที่สหรัฐฯ พยายามสกัดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงชิปขั้นสูงและเทคโนโลยีอื่นๆ ผู้นำจีนยังได้กล่าวถึงความจำเป็นในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืดและชดเชยการส่งออกที่คาดว่าจะลดลงจากผลกระทบของภาษีศุลกากรที่รัฐบาล Trump กำหนด

 

ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติประจำปี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี Li Qiang ระบุว่า “การส่งเสริมการบริโภคอย่างจริงจัง” เป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกของรัฐบาลในปีนี้ พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อ “ทำให้การบริโภคภายในประเทศเป็นเครื่องยนต์หลักและจุดยึดของการเติบโตทางเศรษฐกิจ”

 

ทางด้านสหภาพยุโรป (EU) ประกาศว่าได้ตกลงที่จะเร่งการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า ซึ่งสะท้อนถึงท่าทีที่เป็นมิตรยิ่งขึ้น เพียงไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ออกมาวิจารณ์ว่าทาง EU ใช้ประโยชน์จากสหรัฐฯ และถ่วงเวลาในการเจรจา

 

หลังการพูดคุยดังกล่าว Trump ได้ขยายเส้นตายการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปในอัตรา 50% ออกไปอีกกว่าหนึ่งเดือนจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาเพิ่มเติม

 

การเจรจาที่ผ่านมาเต็มไปด้วยปัญหาหลากหลาย และยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการหาจุดกึ่งกลางที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจได้

 

ฝ่ายยุโรปแสดงความไม่พอใจว่าพวกเขาไม่รู้แน่ชัดว่าสหรัฐฯ ต้องการอะไร หรือแม้แต่ใครเป็นผู้แทนที่พูดในนามของประธานาธิบดีอเมริกัน ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ก็กล่าวหาว่าสหภาพยุโรปเลือกปฏิบัติต่อบริษัทอเมริกัน โดยใช้คดีความและกฎระเบียบในการกดดันอย่างไม่เป็นธรรม

 

ภาพ: Sun Meng / VCG via Getty Images, Costfoto / NurPhoto via Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising