เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้สอบถามสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเกี่ยวกับการเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สู่ประเทศเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ซึ่งนับเป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของผู้นำจีนในปีนี้ โดยสถานทูตจีนได้ชี้แจงรายละเอียด ดังนี้
คำถามที่ 1: การเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชาในครั้งนี้มีรายละเอียดสำคัญอย่างไร
คำตอบ:
การเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงถือเป็นการเปิดฉากทางการทูตของจีนในปีนี้ ภายใต้แนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ยึดหลักมิตรภาพระหว่างเพื่อนบ้าน ความจริงใจ เกื้อกูล และไม่แบ่งแยก พร้อมส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเยือนครั้งนี้นำไปสู่ความสำเร็จในโครงการความร่วมมือมากกว่าร้อยโครงการ ผู้นำทั้งสามประเทศต่างให้การต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ แสดงสัญญาณถึงความสำคัญสูงสุดที่ให้กับความสัมพันธ์กับจีน การเยือนครั้งนี้จึงประสบความสำเร็จสมบูรณ์และสร้างหมุดหมายใหม่ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศในภูมิภาค
คำถามที่ 2: จุดเด่นสำคัญของการเยือนในครั้งนี้คืออะไร
คำตอบ:
- จีน-เวียดนาม: ทั้งสองฝ่ายตกลงเร่งสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเชิงยุทธศาสตร์ และเริ่มต้นกลไกความร่วมมือด้านทางรถไฟจีน-เวียดนาม เพื่อเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน เป็นโครงการสัญลักษณ์ของ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่มีคุณภาพสูง
- จีน-มาเลเซีย และ จีน-กัมพูชา: ความสัมพันธ์ได้รับการยกระดับสู่ “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในระดับยุทธศาสตร์ที่มีคุณภาพสูง” และ “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในทุกสถานการณ์แห่งยุคใหม่” ตามลำดับ
- จีนและกัมพูชาได้ลงนามเอกสารความร่วมมือ 37 ฉบับ สนับสนุนแผนพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนกัมพูชา
- มีการยกระดับกลไกการหารือด้านการทูตและการป้องกันประเทศ ได้แก่:
- จีน-เวียดนาม: “3+3” (ทูต-กลาโหม-ความมั่นคงภายใน) ระดับรัฐมนตรี
- จีน-มาเลเซีย และ จีน-กัมพูชา: “2+2” (ทูต-กลาโหม)
คำถามที่ 3: การเยือนครั้งนี้มีความหมายพิเศษอย่างไร ท่ามกลางสถานการณ์สงครามการค้ากับสหรัฐฯ
คำตอบ:
ท่ามกลางสถานการณ์ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรอย่างไม่ถูกต้อง ส่งผลกระทบต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เน้นย้ำว่า จีนและประเทศเพื่อนบ้านควรเสริมสร้างการประสานงาน ต่อต้านลัทธิเอกภาคี และปกป้องระเบียบการค้าพหุภาคี
จีนประกาศขยายการเปิดประเทศในระดับสูง พร้อมต้อนรับสินค้าอาเซียนที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดจีนมากขึ้น และยืนยันจะเดินหน้าแบ่งปันโอกาสการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้าน
ผู้นำของเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ต่างสนับสนุนจุดยืนของจีน เช่น
- นายโต เลิม ของเวียดนาม ขานรับความร่วมมือกับจีนเพื่อปกป้องกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ
- นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย กล่าวว่าจีนเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้
- นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ยืนยันความพร้อมในการประสานงานกับจีนเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ร่วมกัน
คำถามที่ 4: ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าจะดำเนินไปอย่างไร
คำตอบ:
จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา พร้อมยินดีต้อนรับสินค้าเกษตรและสินค้าอื่น ๆ ที่มีคุณภาพดีจากทั้งสามประเทศเข้าสู่ตลาดจีน อีกทั้งสนับสนุนการลงทุนโดยบริษัทจีนที่มีศักยภาพ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมในภูมิภาค
แนวทางความร่วมมือเฉพาะ:
- จีน-เวียดนาม: ใช้โครงการทางรถไฟเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน พร้อมขยายความร่วมมือด้าน 5G, AI และการพัฒนาที่ยั่งยืน
- จีน-มาเลเซีย: ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สีเขียว สีน้ำเงิน และการท่องเที่ยว
- จีน-กัมพูชา: ขับเคลื่อน “ระเบียงพัฒนาอุตสาหกรรม” และ “ระเบียงปลาและข้าว” เพื่อยกระดับการผลิตและการเกษตรด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
คำถามที่ 5: การเยือนครั้งนี้มีนัยสำคัญอย่างไรต่อความสัมพันธ์จีน-ไทย
คำตอบ:
การเยือนสามประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเน้นย้ำถึงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์และความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างจีนกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความหมายเชิงบวกต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยด้วย
จีนและไทยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย และเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญที่สุด
ท่ามกลางความท้าทายจากการใช้อำนาจฝ่ายเดียว จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและประสานงาน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ร่วมกัน และรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เกื้อกูลกันอย่างยั่งยืน
จีนยืนยันที่จะเปิดตลาดที่มีขนาดยิ่งใหญ่ของตนให้กว้างขึ้น และยินดีต้อนรับสินค้าคุณภาพดีจากไทยสู่ตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง:
- สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย