ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนส่งคำปราศรัยเป็นลายลักษณ์อักษรสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจ APEC ในวันนี้ (17 พฤศจิกายน) หลังจากที่เดินทางถึงไทย แต่ไม่สามารถเข้าร่วมกล่าวสุนทรพจน์ภายในงาน ที่จัดขึ้น ณ โรงแรม ดิ แอทธินี ถนนวิทยุด้วยตนเองได้
โดยคณะผู้แทนจีนชี้แจงต่อประธาน APEC CEO Summit ระบุเหตุผลที่ไม่สามารถร่วมงาน เนื่องจากความขัดแย้งของกำหนดการที่คาดไม่ถึง แต่ยืนยันว่าสีได้ถ่ายทอดข้อความของเขาสำหรับการประชุมครั้งนี้ผ่านคำปราศรัย
เนื้อหาคำปราศรัยที่สีส่งถึงผู้ร่วมการประชุม ระบุหัวข้อ ‘ยึดมั่นในความตั้งใจเดิม ร่วมกันส่งเสริมการพัฒนา เปิดศักราชใหม่แห่งความร่วมมือในเอเชีย-แปซิฟิก’
โดยเขาเน้นย้ำถึงจุดเปลี่ยนของโลกที่มาถึงทางแยก และชี้ว่าสถานการณ์ในภาพรวมของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีความมั่นคงและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันโลกก็กำลังเข้าสู่ระยะของการแปรปรวนและเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางความตึงเครียดของภูมิรัฐศาสตร์ และการแปรผันของโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ซ้อนทับกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและโครงสร้างความร่วมมือของภูมิภาค
สีระบุว่า โลกยังคงเผชิญการระบาดของโควิด และเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะถดถอย อีกทั้งยังเผชิญวิกฤตด้านอาหาร พลังงาน และหนี้สิน ที่ปรากฏขึ้นพร้อมเพรียงกัน และอ้างว่าแนวคิดสงครามเย็น ลัทธิครองความเป็นใหญ่ ได้กลับมาฟื้นตัว ในขณะที่พฤติกรรมบ่อนทำลายกฎระเบียบสากลและความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกำลังหนุนหลังให้เกิดการปะทะกันในภูมิภาค
เขายังกล่าวว่า การเรียนรู้จากประวัติศาสตร์นั้นย่อมให้บทเรียนกับอนาคต และเน้นย้ำถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจของเอเชีย-แปซิฟิกที่มีบทบาทอย่างมากต่อการพัฒนาในภูมิภาค โดยชี้ว่าเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ต้องยึดมั่นและทะนุถนอมไว้ พร้อมชี้ถึงทางออกเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ด้วยการเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการพัฒนาอย่างสันติ เส้นทางแห่งการเปิดกว้างและครอบคลุม และเส้นทางแห่งความสามัคคี
ทั้งนี้ สียังระบุถึงแนวคิด 6 ประการ เพื่อร่วมสร้างประชาคมเอเชีย-แปซิฟิกที่มีอนาคตร่วมกัน ได้แก่
- ส่งเสริมรากฐานการพัฒนาอย่างสันติ โดยยึดมั่นในวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ
- ยึดมั่นในแนวคิดพัฒนาโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนระหว่างพัฒนาเศรษฐกิจ
- สร้างโครงสร้างอันเปิดกว้างที่มีระดับสูงขึ้น ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือผลักดันกระบวนการเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก และความตกลงการค้าเสรีอื่นๆ เช่น RCEP, CPTPP เพื่อสร้างเขตเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง
- ส่งเสริมให้มีความเชื่อมโยงในระดับสูงขึ้น โดยผลักดันให้มีการเชื่อมต่อด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนอย่างมีระเบียบ ซึ่งจีนจะผลักดันข้อริเริ่ม ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของทุกฝ่าย
- สร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานที่มั่นคงและราบรื่น โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบเศรษฐกิจและส่งเสริมปัจจัยการผลิตอย่างอิสระ ตลอดจนสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานของเอเชีย-แปซิฟิก ที่สะดวก มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
- ยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจให้สูงขึ้น โดยเร่งดำเนินนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและกฎกติกา และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล หรือ Digital Transformation พร้อมยืนหยัดการพัฒนาสีเขียว หรือแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ
นอกจากนี้สีระบุว่า เศรษฐกิจของจีนและเอเชีย-แปซิฟิกได้พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และจีนได้ใช้การพัฒนาของตนเองในการนำความผาสุกให้แก่ภูมิภาคนี้
ขณะที่เขายังประกาศย้ำเป้าหมายรับมือการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศของจีน ในการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้ถึงระดับสูงสุดก่อนปี 2030 และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2060 ซึ่งเป็นคำมั่นที่รัฐบาลปักกิ่งให้ไว้กับประชาคมโลกตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
แฟ้มภาพ: Ludovic Marin / POOL / AFP