วันนี้ (8 กรกฎาคม) วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ลำดับที่ 174 อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ได้แสดงจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ระบุว่า
กลไกกระบวนการตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐสภา ตามครรลองที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้ดำเนินการไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเรียบร้อย นับจากวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไปครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
ในโอกาสอันเป็นมหามงคลดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานกระแสพระราชดำรัสที่ทรงคุณค่ายิ่งต่อที่ประชุม และขอใช้โอกาสนี้ อัญเชิญบางส่วนของกระแสพระราชดำรัสมาเน้นย้ำให้ได้รับทราบทั่วกันอีกครั้ง
“ประเทศชาติจะมีความเจริญเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญา ความสามารถ และความสุจริตบริสุทธิ์ของท่านที่จะปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวง โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด หากทุกท่านจะได้สำนึกตระหนักเช่นนี้อยู่เสมอก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จลุล่วง เป็นประโยชน์ เป็นความเจริญมั่นคงของอาณาประชาราษฎร์และชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง”
ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งที่ร่วมอยู่ในรัฐพิธีอันเป็นมหามงคล ขอตั้งปณิธานน้อมนำกระแสพระราชดำรัสข้างต้นมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความเจริญมั่นคงของชาติบ้านเมืองด้วยความแน่วแน่
กรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะมีขึ้นและเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหากันอย่างรุนแรงและกว้างขวางเกี่ยวกับความเหมาะสมของบุคคลบางคน อาจเป็นปรากฏการณ์ปกติของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
อย่างไรก็ตามการแสดงความคิดเห็นในลักษณะรณรงค์ต่อต้าน ขัดขวาง การขึ้นสู่ตำแหน่งของบุคคลบางคนด้วยการสร้างมายาคติบนความอคติโดยก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพบุคคลอื่น ไม่น่าจะเป็นการกระทำที่เหมาะควรอย่างยิ่ง
ความเป็นสมาชิกผู้ทรงเกียรติแห่งรัฐสภา ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เสาหลักของอำนาจอธิปไตยอันประกอบด้วย นิติบัญญัติ ตุลาการ บริหาร พึงต้องตระหนักในเกียรติภูมิแห่งความเป็นสมาชิกรัฐสภา และพึงต้องระมัดระวังไม่กระทำการใดๆ ที่อาจเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 113 ว่าด้วย ‘สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใดๆ’
หรือมาตรา114 ว่าด้วย ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์’
เพื่อยืนยันถึงการน้อมนำและยึดมั่นตามแนวทางในกระแสพระราชดำรัส จึงขอเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ยืนยันให้การสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรคการเมืองที่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุดได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย ความสมานฉันท์ในบ้านเมือง และธำรงไว้ซึ่งหลักการตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตลอดจนเพื่อความสอดคล้องกับฉันทมติของมหาชนที่ไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง