- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 8.5 แสนราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 8.7 แสนราย ซึ่งเหนือกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และยังมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบัน ISM (ISM Manufacturing PMI) ประจำเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 56.2 จุด อยู่ในแดนขยายตัวเหนือ 50.0 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 56.0 จุด สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้า ขณะที่อังกฤษและเยอรมนีมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) ประจำเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 54.3 และ 56.6 จุดตามลำดับ ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้าในระดับเดียวกัน แต่ยังคงอยู่ในแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
- คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวปาฐกถาในงาน The ECB and its Watchers ว่า ECB อาจมีความเป็นไปได้ที่กลยุทธ์การดำเนินนโยบายทางการเงินของ ECB จะสอดคล้องกับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มากขึ้น อาทิ การยินยอมให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อยุโรปต่ำกว่าเป้าหมายมาอย่างยาวนานกว่า 7 ปี แม้จะมีความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจมหาศาลก็ตาม อย่างไรก็ตาม ECB มีแนวโน้มที่จะใช้เป้าหมายหลักเพียงอย่างเดียวคือเสถียรภาพด้านราคา (อัตราเงินเฟ้อ) แตกต่างจาก Fed ที่มี 2 เป้าหมายประกอบไปด้วยการจ้างงานและเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งท่าทีดังกล่าวส่งผลให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำจะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากท้ายที่สุดแล้ว ECB ยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของสหภาพยุโรป ยังคงมีแนวโน้มจะอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายในปีถัดๆ ไป
- วานนี้องค์การการค้าโลก (WTO) มีคำตัดสินต่อกรณีการเรียกเก็บสินค้านำเข้าของสหภาพยุโรปต่อสหรัฐฯ มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าสามารถทำได้ หลังจากที่ในปี 2019 WTO ได้อนุญาตให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีต่อสหภาพยุโรปมูลค่ากว่า 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ เนื่องจาก WTO มองว่าเป็นการลงโทษทั้ง 2 ฝ่ายที่ดำเนินการอุดหนุนบริษัทการบิน Boeing และ Airbus ของตนเอง ซึ่งเป็นการแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ อันก่อให้เกิดการบิดเบือนของตลาด
- วานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยตัวเลขประมาณการ GDP Q2/2020 ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนประกาศจริง ติดลบ 31.4% (QoQ) ซึ่งถือเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีการรวบรวมข้อมูลครั้งแรกในปี 1950 อย่างไรก็ตามยังคงหดตัวน้อยกว่าการประมาณการครั้งที่ 2 และครั้งที่ 1 ที่ระบุไว้ -31.7% (QoQ) และ -32.9% (QoQ) ตามลำดับ พร้อมกับเผยประมาณการ GDP Q3/2020 ว่าจะขยายตัวถึง 30% (QoQ) สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกเช่นกัน สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจว่าจะกลับมาฟื้นตัวสู่ระดับใกล้เคียงปกติอีกครั้ง หลังผ่านพ้นการปิดเมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
- โทชิฮิโระ นิกาอิ เลขาธิการพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก (LDP) ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก ซึ่งเพียงพอต่อการช่วยเหลือสภาพคล่องของธุรกิจขนาดต่างๆ แล้ว แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงมีความสามารถในการผ่านงบประมาณพิเศษเพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากมีความจำเป็น ซึ่งยังคงต้องพิจารณากันต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งรวมทั้งความคาดหวังที่มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจใกล้บรรลุข้อตกลงแล้ว ส่งผลให้นักลงทุนกล้าที่จะกลับเข้าไปลงทุนในหุ้นอีกครั้งหลังตลาดปรับตัวลงมาแรงในช่วงก่อนหน้านี้ สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงเล็กน้อย แม้ตัวเลขเศรษฐกิจในเยอรมนีและฝรั่งเศสจะออกมาแข็งแกร่งก็ตาม แต่ตลาดได้รับแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดโควิด-19 ที่ยังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความล่าช้าต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในโซนยุโรป
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงรวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกที่ออกมาแข็งแกร่ง ช่วยลดความกังวลที่อาจเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดอีกครั้ง ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกออกมาสดใส ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากความหวังที่เศรษฐกิจทั่วโลกจะกลับมาฟื้นตัวในเร็วๆ นี้
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 27781.7 เพิ่มขึ้น 329.04 (1.2%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3363 เพิ่มขึ้น 27.53 (0.83%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11167.51 เพิ่มขึ้น 82.26 (0.74%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12760.73 ลดลง -65.09 (-0.51%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5866.1 ลดลง -31.4 (-0.53%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3193.61 ลดลง -20.69 (-0.64%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19015.27 ลดลง -45.91 (-0.24%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23185.12 ลดลง -353.98 (-1.5%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5815.9 ลดลง -136.2 (-2.29%)
- Shanghai อยู่ที่ 3218.05 ลดลง -6.31 (-0.2%)
- SZSE Component อยู่ที่ 12907.45 เพิ่มขึ้น 6.75 (0.05%)
- China A50 อยู่ที่ 15209.27 เพิ่มขึ้น 19.39 (0.13%)
- Hang Seng อยู่ที่ 23459.05 เพิ่มขึ้น 183.52 (0.79%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12515.61 เพิ่มขึ้น 47.88 (0.38%)
- SET อยู่ที่ 1237.04 ลดลง -20.3 (-1.61%)
- KOSPI อยู่ที่ 2327.89 เพิ่มขึ้น 19.81 (0.86%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4870.04 ลดลง -9.06 (-0.19%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 38067.93 เพิ่มขึ้น 94.71 (0.25%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5864.23 เพิ่มขึ้น 25.57 (0.44%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 40.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -1.45 (-357%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 42.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -1.56 (-364%)
- ราคาทองคำอยู่ที่ 1887.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 14.17 (75%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters