ในที่สุด…วีรบุรุษก็ถอดหน้ากาก
หลังจากพยายามมาแล้วสารพัดอย่างเพื่อที่จะช่วยทีมให้ได้สมดังที่คนทั้งประเทศฝากความหวังไว้ ซนฮึงมิน นักฟุตบอลผู้เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้และเอเชีย ก็ปรากฏตัวในแบบที่ทุกคนคาดหวังจากเขา
เกมมาถึงนาทีที่ 90 บวกอีกหนึ่ง สถานการณ์ตอนนั้น เกมระหว่างโปรตุเกสและเกาหลีใต้ยังคงเสมอกันอยู่ 1-1 ซึ่งถ้าจบลงแบบนี้ก็หมายถึงจุดจบของ ‘แทกุก วอร์ริเออร์ส’ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยเช่นกัน และจะเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันที่พวกเขาถูกหยุดเส้นทางเอาไว้ที่รอบแรก
หากไม่นับฟุตบอลโลก 2002 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพและผ่านเข้าไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งถูกครหาว่า ‘ไม่สง่างาม’ จากการตัดสินที่ใกล้เคียงกับคำว่าอัปยศ เกาหลีใต้ไปได้ไกลที่สุดในฟุตบอลโลกที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้
ยุคสมัยนั้นยังเป็นยุคสมัยของ พัคจีซอง กับ อันจุงวาน ซึ่งสืบทอดตำนานมาจากฟุตบอลโลกในบ้านเกิดอยู่เลย
ดังนั้นไม่แปลกที่ผู้คนจะคาดหวังกับ ซนฮึงมิน นักฟุตบอลผู้ก้าวผ่านรุ่นพี่ทุกคนเพื่อไปยืนอยู่ ณ จุดที่สูงเกือบที่สุดในโลกลูกหนัง ไปได้ไกลยิ่งกว่านักเตะเกาหลีใต้หรือนักเตะเอเชียคนไหนๆ ในฐานะซูเปอร์สตาร์ตัวจริงของโลก
แต่ ซนฮึงมิน กับฟุตบอลโลก ยังถือว่ามีสิ่งที่ค้างคาใจกันอยู่
เพราะฟุตบอลโลก 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ซนฮึงมิน ในวัย 21 ปีกับฟุตบอลโลก 2014 และ ซนฮึงมิน ในวัย 25 ปีกับฟุตบอลโลก 2018 จบลงด้วยความผิดหวัง
ถึงแม้เมื่อ 4 ปีที่แล้วเขาจะแสดงอภินิหารให้เห็นได้ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการทำประตูสำคัญที่พาแชมป์โลกอย่างเยอรมนีตกรอบแรกไปด้วยกัน แต่สิ่งที่ทุกคนจดจำมากกว่าคือ ภาพหลังจบเกมที่พ่ายเม็กซิโกในเกมก่อนหน้านั้นที่ทำให้ทีมตกรอบ
ซนฮึงมิน ยืนร้องไห้ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยคนหนึ่งต่อหน้า มุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในขณะนั้น
น้ำตานั้นมาจากความผิดหวัง เสียใจ ที่ไม่สามารถช่วยพาทีมไปไกลกว่านี้ได้
จนมาถึงฟุตบอลโลกครั้งนี้ ซนฮึงมิน เติบใหญ่เก่งกาจขึ้นไปอีกจากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในวัย 29 ปีถือว่าเป็นวัยสมบูรณ์สำหรับนักฟุตบอลอาชีพที่พร้อมด้วยพละกำลัง ร่างกาย กระดูกกระเดี้ยว ชั้นเชิง และประสบการณ์ อย่าว่าแต่ผู้คนทั่วไปที่คาดหวัง
ซนฮึงมิน ก็หวังว่าเขาจะช่วยทำอะไรให้เกาหลีใต้ได้บ้างในฟุตบอลโลก
ปัญหาคืออุบัติเหตุในสนามที่เกิดขึ้นในเกมสโมสรยุโรป ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บค่อนข้างอันตรายที่บริเวณเบ้าตา ถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัด
ยามนั้นทุกคนกังวลว่าเขาจะเป็นอีกหนึ่งสตาร์ที่พลาดฟุตบอลโลกไหม? แต่ฮีโร่ของชาวเกาหลีใต้ยืนยันว่า ‘ไม่ว่าอย่างไรก็จะไป’ ให้ได้
และเขาก็ทำตามสัญญาจริงๆ ซนฮึงมิน นำทัพเกาหลีใต้ลงสนามในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ในฐานะผู้นำตัวจริง แต่ปัญหาก็เหมือนเดิมคือเขาไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรทีมได้มากมายนัก
ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าองค์ประกอบของเกาหลีใต้แตกต่างจากในทีมสโมสรอย่างท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เพื่อนนักเตะรายล้อมล้วนเป็นนักฟุตบอลเกรดเอของโลก บทบาทและหน้าที่ของ Super Sonny ในทีมไก่เดือยทองคือเรื่องของการหาโอกาสในการทำประตูเป็นหลัก รองลงมาคือการสร้างโอกาสให้เพื่อน
แต่เมื่อกลับมาอยู่กับเกาหลีใต้ ซนฮึงมิน คือทุกอย่างของทีม ต้องช่วยทั้งเกมรุกและเกมรับ ทั้งลำเลียงพาบอลขึ้นมาและหาโอกาสในการทำประตู
ไม่ใช่เพื่อนไม่ช่วย แต่มันจำเป็นที่เขาต้องช่วยประคับประคองเพื่อนมากกว่า
อีกส่วนหนึ่งในความเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของทีม ไม่แปลกที่คู่แข่งจะวางแผนมาอย่างดี เพื่อตัดเขาออกจากเกมให้ได้
ตลอด 2 นัดแรกที่เสมอกับอุรุกวัย ก่อนจะพลาดท่าพ่ายกานา ซนฮึงมิน แทบทำอะไรไม่ได้ในสนาม
ในเกมกับโปรตุเกสก็เช่นกัน ‘ซอนนี’ ทำอะไรไม่ถนัดเลยทั้ง 90 นาที จะหนีไปทางซ้ายก็มีคนตามมาอย่างน้อย 2-3 คน จะหนีไปทางขวาก็เหมือนกัน จะขอลองง้างยิงก็มีคนขวางหน้าอยู่ตลอดเวลาไม่รู้เท่าไร
ลองจินตนาการถึงความรู้สึกของเขา คนที่เป็นนักเตะเบอร์หนึ่งของชาติ คนที่ทุกคนฝากความหวังไว้ คนที่คาดหวังว่าตัวเองจะมีฟุตบอลโลกที่ดีและน่าจดจำ คนที่มีความฝันที่อยากจะทำให้เป็นความจริง แต่สุดท้ายไม่สามารถทำอะไรได้เลย
มันจะน่าหงุดหงิดผิดหวังขนาดไหน
แต่แล้วในช่วงเวลาที่ความหวังกำลังจะดับลงนั้นเอง ช่วงเวลาที่ทุกคนต้องการใครสักคนที่จะช่วยทีมได้ ซนฮึงมิน ก็ปรากฏตัว
ในจังหวะที่ได้โอกาสโต้กลับเร็ว ซนฮึงมิน ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดหวังจากเขาคือการควบบอลขึ้นหน้าด้วยความเร็วสูง ด้วยพละกำลังที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะมีแค่ไหน เขารีดมันออกมาใช้ทั้งหมดในจังหวะนี้
ถึงจะถูกขวางหน้าด้วยนักเตะโปรตุเกสที่ไล่กวดตามมา แต่ ซนฮึงมิน รู้ดีว่าบางครั้งฮีโร่ก็ไม่ใช่คนที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
ก่อนเกมจะเริ่ม ซนฮึงมิน บอกกับ ฮวังฮีชาน รุ่นน้องกองหน้าจากวูล์ฟส์ ซึ่งความจริงควรจะเป็นอีกหนึ่งความหวังของทีม แต่ฟอร์มการเล่นไม่น่าประทับใจนัก ว่า “นายจะทำบางอย่างได้แน่ในเกมนี้ พวกเราเชื่อในตัวนาย”
ดังนั้นเมื่อเห็นซอนนีพยายามพาบอลขึ้นหน้าไป ฮวังฮีชาน จึงรีบวิ่งเติมขึ้นหน้ามาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
และในจังหวะที่กัปตันซนถูกขวางหน้าไว้ เขาก็โผล่มาในช่วงเวลาที่ดีที่สุดพอดี ทำให้ ซนฮึงมิน ไหลบอลให้แบบง่ายๆ แต่เป็นการไหลบอลที่สมบูรณ์แบบ
ฮวังฮีชาน วิ่งสอดขึ้นมาจากด้านหลังก่อนตวัดยิงเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม เกาหลีใต้ขึ้นนำโปรตุเกส 2-1 ก่อนจะคว้าชัยชนะในเกมนี้ได้สำเร็จ
หลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย ซนฮึงมิน ถอดหน้ากากออกก่อนที่จะปลดปล่อยทุกความรู้สึกออกมาผ่านหยาดน้ำตาที่มีความฝันอยู่ในนั้น
เขาพยายามมานาน และในที่สุดก็ทำได้สำเร็จแล้ว
ถึงแม้หลังจากนั้นจะเป็นช่วงเวลา 6 นาทีที่ยาวนานที่สุดในชีวิต เพราะต้องลุ้นผลอีกคู่ที่ยังแข่งกันไม่จบว่ากานาจะช่วยต้านอุรุกวัยได้หรือไม่ เพราะหากทีมจากลาตินอเมริกายิงได้อีกประตูเดียว ความฝันของเขาและเกาหลีใต้จะจบลงทันที
แต่ที่สุดแล้วอภินิหารของ Super Sonny ก็มีส่วนช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ และเป็นครั้งแรกของยุคสมัยนี้
ความฝันของเด็กคนหนึ่งที่เฝ้ารอคอยช่วงเวลานี้มาตลอด วันนี้กลายเป็นความจริงแล้ว
ชีวิตหลังจากนี้ของ ซนฮึงมิน เขาไม่มีอะไรที่ค้างคาอีกต่อไป
บันทึกเพิ่มเติม
- น้ำตาของ ซนฮึงมิน เป็นคนละน้ำตากับ หลุยส์ ซัวเรซ ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของอุรุกวัยที่ปิดฉากชีวิตทีมชาติอย่างเจ็บปวด เพราะอุรุกวัยตกรอบด้วยผลต่างประตูได้เสีย กับคำถามว่า ทำไมทีมไม่บุกยิงกานาให้ขาด?
- แวงซองต์ อบูบาการ์ จะเป็น Cult Hero ของฟุตบอลแอฟริกา หลังลงมายิง 2 ประตูกับเซอร์เบีย เมื่อคืนนี้เขาโหม่งทำประตูให้แคเมอรูนเอาชนะบราซิลได้ ถึงจะเป็นบราซิลชุดสำรองก็เถอะ
- กรานิต ชากา กับเซอร์เบียไม่จบ หลังเคยมีเรื่องมีราวเรื่องการทำท่าสัญลักษณ์ธงแอลเบเนีย เมื่อคืนนี้ไป ‘ขยำเป้า’ ใส่นักเตะเซอร์เบียเพื่อเย้ยอีก