โรนัลโด กับ โรนัลโด ใครเก่งกว่าใคร?
คำถามนี้หลายคนฟังแล้วอาจจะงง แต่สำหรับคอบอลแล้วน่าจะพอเก็ตกันว่า โรนัลโดกับโรนัลโดที่ว่านั้นคือคนละคนกัน คนหนึ่งคือ โรนัลโด นาซาริโอ เจ้าของสมญา ‘อิล เฟโนเมโน’ (แปลว่าผู้เป็นปรากฏการณ์) สุดยอดกองหน้าชาวบราซิลผู้มหัศจรรย์เหนือใคร กับอีกหนึ่งคนคือ คริสเตียโน โรนัลโด เด็กน้อยจากเกาะมาเดราที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์ในเรื่องของความมานะบากบั่น จนกลายเป็นตำนานกองหน้าตลอดกาลของโลก
จะบอกว่าคำถามพวกนี้เป็นคำถามที่สนุกมากในหมู่แฟนบอล เพราะมันชวนให้เกิดการถกเถียงได้อย่างไม่รู้จบ ซึ่งในวงสนทนาภาษาลูกหนังนั้นก็ไม่ได้มีแค่การเปรียบเทียบระหว่างโรนัลโดกับโรนัลโดหรอก แต่ยังมีการเปรียบเทียบอีกมากมายของนักเตะที่เกิดมาต่างยุคต่างสมัย และไม่มีโอกาสได้มาวัดกันจังๆ ในสนามว่าใครเจ๋งกว่าใคร
เรื่องนี้เลยกลายเป็นไอเดียโฆษณาฟุตบอลโลกชุดใหม่ของ Nike ที่กำลังได้รับการกล่าวถึงในช่วงวันสองวันนี้ นับตั้งแต่ที่เริ่มปล่อยออกมา กับโฆษณาชุด ‘GOAT Experiment’ หรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเหล่านักเตะเทพเจ้า
โดยความสนุกของมันอยู่ที่การไปให้ไกลยิ่งกว่าด้วยการนำเรื่องจักรวาลคู่ขนาน (Multiverse) เข้ามาเป็นตัวดำเนินเรื่องด้วยการตั้งชื่อเฉพาะให้เป็น ‘Footballverse’ ไปเลย
มีสิ่งที่น่าสังเกตนิดหนึ่ง โดยจะเห็นว่า Nike เจาะจงใช้แบรนด์ ‘Nike FC’ ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์หนึ่งของผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าที่ทำมาเพื่อตอบสนองแฟนฟุตบอลโดยเฉพาะ และเริ่มรีแบรนด์ใหม่โดยไม่มีคำว่า Nike FC (พร้อมแถบสีต่างๆ) แล้ว แต่เปลี่ยนมาใช้เครื่องหมาย Swoosh ต่อด้วยคำว่า FC แทน
*ระวังต่อจากนี้จะมีการเปิดเผยเนื้อหาของโฆษณา หากท่านยังไม่ได้ดู กรุณากดดูที่คลิปใต้ข้อความนี้ก่อน!*
https://www.youtube.com/watch?v=6p4SeR3pliM
สำหรับเรื่องราวใน Footballverse นั้นเริ่มต้นในห้องทดลองลับแห่งหนึ่งในเมืองเจนีวา (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ซึ่งมีเหล่านักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องสุมหัวทำการทดลองกันอยู่ โดยมีนักวิทยาศาสตร์หญิงชาวฝรั่งเศสและนักวิทยาศาสตร์ชาย (ที่เห็นแล้วก็คิดถึง Doc ในเรื่อง Back to the Future) กำลังถกเถียงกัน
เรื่องที่เถียงไม่ใช่เรื่องฟิสิกส์ เคมี ชีวะอะไรเลย แต่เป็นการเถียงกันว่า คีเลียน เอ็มบัปเป สุดยอดแข้งพรสวรรค์ยุคปัจจุบันชาวฝรั่งเศส กับ โรนัลดินโญ นักมายากลลูกหนังชาวบราซิล ใครเก่งกว่าใคร?
เถียงกันไปเถียงกันมาสองคนนี้ก็ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “What if! ถ้าเราสร้าง Multiverse ขึ้นมาแล้วให้สองคนนี้มาดวลกันจริงๆ ในสนามมันจะเป็นอย่างไร?” (ก่อนจะหันกลับไปที่โต๊ะทำงานที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ทุกคนได้ยิน และหันมามองด้วยแววตาเป็นประกาย)
ทุกคนรีบกุลีกุจอเพื่อเปิดเครื่องสร้าง Multiverse ขึ้น และความบันเทิงก็เริ่มจากตรงนี้!
จริงๆ ไอเดียของโฆษณาชุดนี้ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นของใหม่ถอดด้ามอะไรครับ แต่อย่างที่บอกว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่และเป็นหัวใจของเรื่องคือคำถามที่ไม่มีวันสิ้นสุดอย่าง ‘ใครเก่งกว่าใคร’ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีคำตอบในใจของตัวเองอยู่แล้ว (ต่อให้เจอกันแล้วผลในสนามจะออกมาไม่เป็นอย่างใจก็เถอะ)
ความเก๋คือทีมครีเอทีฟไม่ได้นำนักเตะ 2 คนมาเปรียบเทียบกัน (เอ็มบัปเป vs. โรนัลดินโญ หรือ โรนัลโด บราซิล vs. โรนัลโด โปรตุเกส) แต่ยังเอานักเตะคนเดียวกันแต่ต่างช่วงเวลากันมาเปรียบเทียบกันเองด้วยว่าเวอร์ชันไหนดีกว่ากัน เช่น โรนัลโด บราซิล ยุค 2002 กับทรงผมไดโกโระที่ได้แชมป์โลก กับโรนัลโด บราซิล ปี 1998 ที่ว่ากันว่าเป็นช่วงไพรม์ของเขา
ในโฆษณายังมีการใส่กิมมิกเข้ามาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Inclusive ที่เพิ่มนักฟุตบอลหญิงระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง อเล็กซ์ มอร์แกน, คาร์ลี ลอยด์, เลอาห์ วิลเลียมสัน, แซม เคอร์ เข้ามา (และมีบทให้วาดลวดลายได้แจ๋วอยู่ด้วย) ไปจนถึงการหยิกกัดตัวเองแบบเล่นตัวเองเจ็บน้อยกว่า อย่างเรื่องที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ดักลูก Rainbow Flick ของโรนัลดินโญได้แล้วบอกว่า “ดู YouTube มา” (เพราะคนที่ทำให้ YouTube มีวันนี้คือโรนัลดินโญ กับคลิปยิงชนคานติดต่อกันซึ่งเป็นคลิปแรกที่ได้ยอดวิว 1 ล้านครั้ง – ซึ่งที่เจ็บกว่านั้นคือโรนัลดินโญโดนอำถึง 2 ดอก เพราะยิงฟรีคิกไปติดกำแพงที่เอ็มบัปเปนอนขวางอยู่แล้วพูดเหมือนฟาน ไดจ์ค ฮ่าๆ)
ยังมีฉากยิ้มๆ อีกเยอะ เช่น คุณยายของ ฟิล โฟเดน กำลังจิบน้ำชาอยู่ดีๆ โดนดูดมา Footballverse เฉยเลย หรือการเอาตัวละครจากอนิเมะดังอย่าง โกเอนจิ ชูยะ จากเรื่อง Inazuma Eleven มาแจมด้วย ไปจนถึงตอนที่เกิดความผิดพลาดจนทุกคนกลายเป็นตัวละครโพลีกอนไปหมด
การดำเนินเรื่องอย่างฉับไว การเกลี่ยบทบาทให้ตัวละครซึ่งเป็น Nike Athlete ทุกคนได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งๆ ที่มีคนมาร่วมแสดงจำนวนมาก (มี เควิน เดอ บรอยน์ กับ เอ็ดการ์ ดาวิดส์ ด้วย) แน่นอนต้องชม CG ที่เนียนกริบในการนำโรนัลโดและโรนัลดินโญกลับมาในยุคปัจจุบัน (แต่ก็ดูตั้งใจทำให้รู้ว่าเป็น CG) ทำให้เป็นโฆษณาที่ป่วนมาก อลหม่านมาก แต่ก็สนุกมาก และรู้สึกดีมากด้วยเช่นกัน
ถือว่าเป็นอีกครั้งที่ Nike ทำโฆษณาฟุตบอลโลกออกมาได้ดี Ambush Marketing ของพวกเขายังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม และชนะใจตั้งแต่การเล่นกับคำถามอมตะ (ถึงจะมีเฉพาะนักเตะของ Nike เองก็มันแล้ว) กับไอเดียหลุดทะลุกรอบที่บียอนด์สุดๆ
ดูแล้วประทับใจจนต้องขอหยิบมาเล่าถึงเลยทีเดียว 🙂
อ้างอิง: