ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สนามอัลยานูบสเตเดียม เป็นเกมระหว่าง ทีมชาติญี่ปุ่น แชมป์กลุ่ม E ในชุดน้ำเงิน พบกับ ทีมชาติโครเอเชีย รองแชมป์กลุ่ม F ในเสื้อขาวลายตารางสีแดง
โดยเกมนี้ ญี่ปุ่นมาในระบบ 3-4-3 โดยที่ ชูอิชิ กอนดะ เป็นผู้รักษาประตู กองหลัง 3 คนมี ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ, มายะ โยชิดะ, โชโกะ ทานิงุจิ กองกลาง 4 คนประกอบไปด้วย จุนยะ อิโตะ, วาตารุ เอนโดะ, โมริตะ ฮิเดมาสะ, ยูโตะ นากาโตโมะ กองหน้า 3 ประสานมี ริตสึ โดอัน, ไดเซน มาเอดะ, ไดจิ คามาดะ
ฝั่งโครเอเชีย มาในระบบ 4-3-3 เช่นเคย โดยผู้รักษาประตูเป็น โดมินิก ลิวาโควิช กองหลัง 4 คนมี โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก กวาร์ดิโอล, บอร์นา บาริซิช กองกลาง 3 คน ได้แก่ มาร์เซโล โบรโซวิช, ลูกา โมดริช, มาเตโอ โควาซิช กองหน้า 3 ประสานมี อังเดรจ์ ครามาริช, อิวาน เปริซิช และ บรูโน เพ็ตโควิช
เริ่มเกมมาได้แค่ 3 นาที ญี่ปุ่นได้ลุ้นก่อน จากจังหวะที่ วาตารุ เอนโดะ เปิดบอลให้ โชโกะ ทานิงุจิ ได้โหม่ง แต่บอลหลุดกรอบออกหลังไป
นาทีที่ 8 โครเอเชีย เกือบมาได้ประตูนำ เมื่อแนวรับญี่ปุ่นเล่นผิดพลาด ทำให้ อีวาน เปริซิช ได้หลุดไปยิงเน้นๆ แต่บอลยังไปติดเซฟ ชูอิชิ กอนดะ ปัดออกไปได้ แม้ โครเอเชียจะมีจังหวะพยายามซ้ำ แต่ก็ทำได้ไม่ถนัด
นาทีที่ 14 ญี่ปุ่น ได้โอกาสลุ้น เมื่อ จุนยะ อิโตะ เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ทั้ง ไดเซน มาเอดะ และ ยูโตะ นากาโตโมะ เข้าไม่ถึงบอลทั้งคู่
นาทีที่ 24 จากจังหวะฟรีคิกเปิดเข้ามาของ ลูกา โมดริช บอลไปถึง ยอสโก กวาร์ดิโอ แถวเส้นกรอบเขตโทษ พยายามยิงสวน แต่บอลก็ออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 29 โครเอเชียได้บุกกดดันอย่างต่อเนื่อง เมื่อ อีวาน เปริซิช โหม่งบอลชงเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ หวังจะให้ อังเดรจ์ ครามาริช ได้ชาร์จจ่อๆ แต่สุดท้ายครามาริชเข้าไม่ถึงบอลอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 41 ญี่ปุ่นพลาดโอกาสทองในครึ่งแรก เมื่อ ไดจิ คามาดะ หลุดขึ้นมาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนล็อกบอล 1 จังหวะแล้วพยายามยิงบอลไปที่เสาไกล แต่น้ำหนักเกิน ทำให้บอลข้ามคานออกหลังไป
นาทีที่ 43 ญี่ปุ่นขึ้นนำก่อนได้สำเร็จ จากจังหวะเตะมุมเล่นสั้น บอลเปิดเข้าไปจากทางฝั่งขวา บอลไปถึง มายะ โยชิดะ โหม่งชงมาให้ ไดเซน มาเอดะ ยิงจ่อๆ เข้าไปให้ ‘ซามูไรบลูส์’ นำก่อน 1-0
ครึ่งหลังเริ่มมาได้ไม่ถึงนาที ญี่ปุ่นได้ลุ้นก่อนจากการยิงไกลของ ไดจิ คามาดะ แต่บอลก็เหินข้ามคานออกหลังไป
นาทีที่ 49 โครเอเชียได้โอกาสในการลุ้นประตูตีเสมอ จากความพยายามของ มาเตโอ โควาซิช พยายามตวัดยิงนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลก็หลุดกรอบออกหลังไป
นาทีที่ 56 โครเอเชียมาตีเสมอได้สำเร็จ เมื่อ เดยัน ลอฟเรน เปิดบอลจากแถวสองเข้ามาในกรอบเขตโทษ บอลมาเข้าศีรษะ อีวาน เปริซิช โหม่งบอลลงพื้นเสียบเสาเข้าไป ให้ ‘โครแอต’ ไล่มาเป็น 1-1
อย่างไรก็ตาม ในนาทีต่อมา ญี่ปุ่นเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกรอบ เมื่อ วาตารุ เอนโดะ ได้ลองส่องไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลไปติดเซฟปลายมือของ โดมินิก ลิวาโควิช ปัดออกหลังไปได้
นาทีที่ 60 ญี่ปุ่นมาได้ลุ้นอีกครั้ง จากการทำเกมขึ้นมาถึงหน้าหัวกะโหลก ก่อนที่ ริตสึ โดอัน ได้ยิงขณะเสียสมดุล ทำให้บอลเบาเกินไป และไปเข้ามือ โดมินิก ลิวาโควิช รับไว้ได้ไม่ยาก
นาทีที่ 63 คราวนี้เป็นโอกาสของโครเอเชียบ้าง เมื่อ ลูกา โมดริช ได้โอกาสวอลเลย์ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ บอลกำลังจะฮุกเสียบใต้คาน แต่ ชูอิชิ กอนดะ บินปัดออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม
นาทีที่ 66 โครเอเชียได้เติมขึ้นมาลุ้นบ้าง เมื่อจังหวะยิงของ อังเดรจ์ ครามาริช ไปแฉลบ โมริตะ ฮิเดมาสะ เปลี่ยนทางไปถึง อันเต บูดิเมียร์ ได้โหม่ง แต่บอลก็ยังหลุดกรอบออกหลังไป
นาทีที่ 74 โครเอเชียได้โอกาสอีกครั้ง จากการเปิดจากฝั่งขวา ของ โยซิป ยูราโนวิช ไปให้ มาริโอ ปาซาลิช ได้โหม่ง แต่บอลก็หลุดกรอบออกหลังไป
นาทีที่ 77 จากจังหวะโต้กลับของ โครเอเชีย ทำให้ อีวาน เปริซิช พาบอลขึ้นมา ก่อนที่จะยิงเต็มข้อ แต่บอลยังไปแฉลบ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ออกหลังไปได้แค่ลูกเตะมุม
นาทีที่ 86 โครเอเชียได้ลุ้นอีกครั้ง จากการเปิดบอลของ อีวาน เปริซิช ไปถึง มาริโอ ปาซาลิช ได้โหม่งบอล แต่บอลก็ยังหลุดกรอบออกหลังไป
เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม 90 นาที ญี่ปุ่น เสมอ โครเอเชีย ไปได้ 1-1 ทำให้ต้องต่อเวลาออกไปเพื่อหาทีมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
2 นาทีแรกของการต่อเวลา ญี่ปุ่นได้ลุ้นจากลูกเตะมุม จุนยะ อิโตะ เปิดบอลไปที่เสาแรกก่อนที่ โชโกะ ทานิงุจิ จะได้โหม่ง แต่บอลยังไม่เข้ากรอบ ออกหลังไป
นาทีที่ 105 ญี่ปุ่นมาได้ลุ้นจากจังหวะโต้กลับ เมื่อ คาโอรุ มิโตมะ ได้โอกาสจากจังหวะโต้กลับ โดยพาบอลเดี่ยวมาจากกลางสนาม ก่อนได้ยิงด้วยขวา ทว่า โดมินิก ลิวาโควิช ยังปัดบอลทิ้งเอาไว้ได้
นาทีที่ 114 จากจังหวะทุ่มไกลของ โยซิป ยูราโนวิช ทุ่มเข้ามา มาร์โก ลิวายา ได้โหม่ง แต่บอลลอยย้อยๆ ทำให้ ชูอิจิ กอนดะ รับไว้ได้ไม่ยาก
นาทีที่ 120+1 โครเอเชีย มาได้ลุ้นจากจังหวะยิงนอกกรอบเขตโทษของ ลอฟโร ไมเยอร์ ต่อบอลหลุดออกหลังไป ทำให้จบ 120 นาทียังเสมอกัน 1-1 ต้องยิงจุดโทษเพื่อหาผู้ชนะต่อไป
ในการยิงลูกที่จุดโทษ ปรากฏว่า ญี่ปุ่นเสี่ยงเหรียญชนะ ได้ยิงก่อน โดยคนแรกของ ญี่ปุ่น คือ ทาคุมิ มินามิโนะ และยิงไปติดเซฟของ โดมินิก ลิวาโควิช ขณะที่ โครเอเชีย ส่ง นิโกลา วลาซิช ยิงคนแรก เป็นประตู ทำให้นำก่อน 1-0
คนที่ 2 ของญี่ปุ่นเป็นทางด้าน คาโอรุ มิโตมะ โดยเขายิงไปทางซ้ายของตัวเอง แต่ก็ยังโดน โดมินิก ลิวาโควิช พุ่งไปปัดไว้ได้ ขณะที่ โครเอเชีย ส่ง มาร์เซโล โบรโซวิช มายิงคนที่ 2 เข้าไป โดยเล็งไปบริเวณกลางประตู
คนที่ 3 ของญี่ปุ่น คือ ทาคุมะ อาซาโนะ ยิงไปทางขวาของตัวเอง โดยครั้งนี้ โดมินิก ลิวาโควิช พุ่งผิดทาง ทำให้ญี่ปุ่นไล่มา 1-2 แถมทางด้าน มาร์โก ลิวายา ยิงบอลไปซนเสาซ้ายของตัวเอง ทำให้สกอร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง
คนที่ 4 ของญี่ปุ่น คือ มายะ โยชิดะ เลือกยิงเรียดไปทางซ้ายของตัวเอง และเป็นอีกครั้งที่ โดมินิก ลิวาโควิช พุ่งไปเซฟไว้ได้ นั่นทำให้ถ้าทางฝั่งโครเอเชียยิงลูกนี้เข้าจะชนะทันที โดยทางด้าน มาริโอ ปาซาลิช ที่รับหน้าที่ปิดบัญชีให้โครเอเชีย และไม่พลาด ทำให้จบเกม โครเอเชีย เอาชนะ ญี่ปุ่น ในการดวลลูกจุดโทษ 3-1 หลังเสมอกันใน 120 นาที 1-1
โครเอเชียเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป โดยจะพบกับผู้ชนะระหว่าง บราซิล กับ เกาหลีใต้ โดยที่ญี่ปุ่นยังคงไม่สามารถผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้ายเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง