มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในสเปนอย่าง Amancio Ortega ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น Zara ขยายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์เมื่อปีก่อน โดยการเข้าซื้อตึกในอเมริกาเหนือและสหราชอาณาจักรรวมกันอย่างน้อย 10 แห่ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่มหาเศรษฐีรายอื่นๆ ต่างหันมาโฟกัสที่อสังหาเชิงพาณิชย์กันมากขึ้น หลังจากที่สินทรัพย์นี้ถูกกระทบอย่างหนักจากวิกฤตโควิด รวมทั้งแรงกดดันจากการที่รูปแบบการทำงานกลายเป็นการทำงานผ่านทางไกล (Remote Work) มากขึ้น อิงจากรายงาน 2023 Wealth Report ของ Knight Frank
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงกันข้ามกับนักลงทุนสถาบันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งพวกเขาลดการลงทุนในอาคารสำนักงาน อาคารด้านโลจิสติกส์ และบ้านเช่า คิดเป็นมูลค่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากที่เริ่มเห็นการผิดนัดชำระหนี้ในบางส่วน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ยุคของเงินทุนต้นทุนต่ำกำลังจะจบลง
มหาเศรษฐี กองทุนบริหารสินทรัพย์ของครอบครัว และบริษัทส่วนบุคคล ต่างใช้ประโยชน์จากอัตราส่วนหนี้สินที่ยังไม่สูงนักของตัวเอง และความสามารถในการถือครองในระยะยาว เข้าลงทุนในอสังหาเชิงพาณิชย์ คิดเป็นมูลค่ารวม 4.55 แสนล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม มูลค่าการลงทุนรวมของมหาเศรษฐีระดับโลกในสินทรัพย์ดังกล่าว ลดลง 8% จากช่วง 12 เดือนก่อนหน้านี้ที่ระดับ 4.93 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีดีมานด์ที่อัดอั้นมาจากช่วงโควิด ขณะที่ปริมาณการซื้อขายลดลง 28%
Alex James หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาลูกค้าบุคคล กล่าวว่า “ผู้ลงทุนส่วนบุคคลกำลังใช้ประโยชน์จากราคาสินทรัพย์ที่กำลังถูกประเมินใหม่ และค่าเงินที่แข็งค่า กระแสที่กำลังเกิดขึ้นนี้จะดำเนินต่อไปจากการที่มหาเศรษฐีเหล่านี้กำลังมองหาวิธีปกป้องความมั่งคั่งของตัวเอง”
ตัวเลขเหล่านี้เน้นย้ำให้เห็นถึงแนวโน้มการลงทุนระยะยาวของกลุ่มมหาเศรษฐี และวิธีการที่พวกเขากระจายความมั่งคั่งไปสู่อสังหา ซึ่งเป็นช่วงที่หุ้นกู้ที่ใช้สินเชื่ออสังหาเป็นหลักประกันกำลังมีราคาลดลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยกำลังเพิ่มขึ้น
Ortega เข้าซื้ออาคารโลจิสติกส์ 5 แห่งในสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมทั้งการเข้าซื้อตึกหรูระฟ้าในเมืองซีแอตเทิล มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่เข้าซื้ออาคารสำนักงานของ Amazon.com ในเมืองเดียวกันนี้
ด้าน Joe Tsai ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba Group Holding เข้าซื้อโรงแรมระดับ 5 ดาว 6 แห่งในสเปน ผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ของครอบครัวอย่าง Blue Pool Capital
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Knight Frank ระบุว่า อสังหาเชิงพาณิชย์ที่นักลงทุนส่วนบุคคลเข้าซื้อมากที่สุดคือ อพาร์ตเมนต์ให้เช่า 42.8% ซึ่งแต่ละดีลคิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 25 ล้านดอลลาร์ รองลงมาคืออาคารสำนักงาน 18.5% อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ 15.5% ค้าปลีก 13.7% โรงแรม 6.7% และอื่นๆ อีก 2.7%
โดยนิวยอร์กเป็นเมืองที่มีการลงทุนในด้านอสังหาเชิงพาณิชย์มากที่สุดในปีที่ผ่านมา ขณะที่ลอนดอนเป็นเมืองที่นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนมากที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ‘4 อุปนิสัย’ ที่ทำให้คนรวย ‘รวยยิ่งขึ้น!’ บทสรุปจากการสัมภาษณ์เศรษฐี 225 คน
- นักเศรษฐศาสตร์จากฮาร์วาร์ดชี้ หากคบ ‘เพื่อนรวย’ ตั้งแต่เด็ก จะทำให้รายได้ในอนาคตเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 20%
- ใครอยากเป็นเศรษฐี? ก็ฉันน่ะสิ! นี่คือเส้นทางรวยที่ผู้เชี่ยวชาญฟันธงว่าไวที่สุด (แต่ยากหน่อยนะ)
อ้างอิง: