World Bank หรือธนาคารโลก เปิดเผยวานนี้ (4 ตุลาคม) ว่า ประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันออกและเอเชียกลางจะเผชิญกับภาวะการเติบโตที่อ่อนแอในปี 2023 กระนั้นภาวการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มบานปลายกลายเป็นภาวะถดถอย หากรัสเซียตัดลดการจำหน่ายพลังงานต่อภูมิภาคยุโรป
ทั้งนี้ ในรายงานการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจฉบับปรับปรุงล่าสุด ธนาคารโลกคาดว่า GDP โดยรวมในยุโรปและภูมิภาคเอเชียกลางจะหดตัว 0.2% ในปี 2022 และขยับมาเติบโตเพียงเล็กน้อยคือที่ 0.3% ในปี 2023 เนื่องจากผลกระทบจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เศรษฐกิจโลก กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่มี 7 ปัจจัย ที่รอบนี้แตกต่างจากวิกฤตการเงินปี 2008
- เปิด 5 สัญญาณอันตรายเศรษฐกิจ บ่งชี้โลกเสี่ยงเผชิญภาวะถดถอย
- นักเศรษฐศาสตร์ฟันธง เงินเฟ้อ ทั่วโลกผ่านจุดพีค แต่จะไม่กลับไปต่ำเท่ากับช่วงก่อนโควิด
การคาดการณ์ในปี 2022 เป็นการปรับขึ้นที่ชัดเจนจากการคาดการณ์ครั้งก่อนในเดือนมิถุนายนของธนาคารโลกซึ่งระบุว่า GDP จะหดตัว 2.9% สำหรับภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมถึงยูเครน โปแลนด์ รัสเซีย ตุรกี และประเทศอื่นๆ โดยรอบ
การปรับขึ้นตัวเลขครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความยืดหยุ่นและการเติบโตที่ดีเกินคาดในบางประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ควบคู่ไปกับการขยายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตโควิดบางประเทศ
นอกจากนี้ธนาคารโลกยังได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของยูเครนจะหดตัว 35% ในปีนี้ ซึ่งดีขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนว่าจะมีการหดตัว 45% เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่เศรษฐกิจของยูเครนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามที่ทำลายกำลังการผลิต สร้างความเสียหายต่อที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และทำให้จำนวนแรงงานลดลง ตลอดจนมีแรงงานพลัดถิ่นถึง 14 ล้านคน
แอนนา บเยอร์ดี รองประธานธนาคารโลกประจำยุโรปและเอเชียกลาง กล่าวในแถลงการณ์ว่า ยูเครนยังคงต้องการการสนับสนุนทางการเงินอย่างมหาศาล เนื่องจากสงครามยังคงดำเนินต่อไป พร้อมแนะให้ยูเครนเดินหน้าโครงการฟื้นฟูบูรณะที่สามารถเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ตามการประมาณการล่าสุดโดยธนาคารโลกพบว่า ความต้องการการฟื้นฟูของยูเครนในภาคส่วนสังคม ภาคการผลิต และโครงสร้างพื้นฐาน มีมูลค่ารวมอย่างน้อย 3.49 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าขนาดของ GDP ในปี 2021 ถึง 1.5 เท่า
ด้านเศรษฐกิจของรัสเซีย ธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจของแดนหมีขาวแห่งนี้จะหดตัวราว 4.5% ในปีนี้ ลดลงจากการครั้งก่อนในเดือนมิถุนายนที่ 8.9% และคาดว่าเศรษฐกิจของรัสเซียน่าจะหดตัว 3.6% ในปี 2023
ส่วนเศรษฐกิจของตุรกีคาดว่าจะเติบโต 4.7% ในปี 2022 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.3% ในเดือนมิถุนายน ขณะที่ในปี 2023 รายงานของธนาคารโลกคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตที่ 2.7%
แถลงการณ์ของธนาคารโลกระบุว่า ในภาพรวมแล้วแนวโน้มสำหรับภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลางนั้นอยู่ภายใต้ความไม่แน่นอนอย่างมาก เพราะสงครามที่ยืดเยื้อหรือรุนแรงขึ้นทำให้เกิดความเสียหายทางกายภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากนี้ธนาคารโลกพบว่า ความเสี่ยงจากแรงกดดันทางการเงินยังคงเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากระดับหนี้และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง
ขณะเดียวกันธนาคารโลกยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตพลังงานโลก ซึ่งพบว่า การตอบโต้ของรัสเซียด้วยการตัดการจ่ายพลังงานไปยังสหภาพยุโรปอาจก่อให้เกิดภาวะถดถอยสำหรับประเทศในยุโรปและเอเชียกลาง โดยผลกระทบจะมีมากขึ้นในประเทศที่พึ่งพาก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย และน้อยลงในประเทศที่เข้าถึงแหล่งก๊าซทางเลือกหรือการผลิตพลังงานในประเทศมากขึ้น
สำหรับประเทศในยุโรปตะวันตกและเอเชียกลางประกอบด้วย แอลเบเนีย, อาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจาน, เบลารุส, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บัลแกเรีย, โคเอเชีย, จอร์เจีย, คาซัคสถาน, โคโซโว, คีร์กีซสถาน, มอลโดวา, มอนเตเนโกร, มาซิโดเนียเหนือ, โปแลนด์, โรมาเนีย, รัสเซีย, เซอร์เบีย, ทาจิกิสถาน, ตุรกี, เติร์กเมนิสถาน, ยูเครน และอุซเบกิสถาน
อ้างอิง: