วันนี้ (7 เมษายน) วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม มหาดไทย ทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯ ให้บูรณาการงานร่วมกัน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาไฟป่าทางภาคเหนือ โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากแต่ละหน่วยงานเห็นว่ามีกฎหมายใดบ้างก็ขอให้งัดมาใช้ และดำเนินการอย่างเต็มที่ที่สุด ไม่ให้ละเว้นเด็ดขาด ถ้าจับใครได้ก็ดำเนินการให้เต็มที่ ทั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3-4 รายแล้ว และจะจับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่เว้น ซึ่งมีการฟ้องร้องคดีมากขึ้น หลังจากที่เมื่อก่อนไม่มีการฟ้องคดี แต่ในปัจจุบันให้ทางราชการเป็นเจ้าทุกข์ฟ้องดำเนินคดีทุกราย
นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานทำงานภายใต้กรอบกฎหมายที่สามารถจะทำได้ ให้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ให้ร่วมมือและช่วยกัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ทุกกระทรวงร่วมมือดำเนินการกันอยู่แล้วในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนธิกำลังร่วมกันทุกหน่วยงานเพื่อให้มีชุดปฏิบัติการชุดละประมาณ 10 คนเข้าไปในทุกหมู่บ้าน เพื่อความเข้าใจ ซึ่งผลที่ออกมาทำให้จุดความร้อนในพื้นที่แต่ละแห่งนั้นลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งชุดปฏิบัติการดังกล่าวยังดำเนินการต่อเนื่องต่อไป
ขณะที่ฝ่ายค้านได้เรียกร้องให้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ วราวุธกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีการพูดถึง แต่ขณะนี้กระทรวงดำเนินการประกาศปิดป่าแล้ว ฉะนั้นตอนนี้เจอใครเข้าป่าเราจับหมด เพราะไม่มีเหตุใดที่จะมีใครเข้าป่าในเมื่อประกาศปิดแล้ว
ส่วนกรณีข้อเรียกร้องให้แจกหน้ากากป้องกันฝุ่นพิษให้กับประชาชนภาคเหนือ วราวุธกล่าวว่า หากเป็นหน้ากากอนามัยที่จะป้องกัน PM2.5 ได้ก็ต้องเป็น N95 ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควรในขณะนี้ เนื่องจากเป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การบริหารราชการมีความละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น แต่เราจะพยายามทำให้เต็มที่อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
วราวุธเปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 8-9 เมษายนนี้ ตนและคณะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย เพื่อไปดูสถานการณ์ด้วยตัวเองอีกครั้ง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า