เช้าวันนี้ที่ศาลทหาร ศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินทางมายังศาลเพื่อสืบพยานโจทก์ในคดีขัดคำสั่ง คสช. ไม่มารายงานตัวตามที่เรียก
ศ.ดร.วรเจตน์ กล่าวว่าคดีนี้อยู่ในชั้นสืบพยานโจทก์ ซึ่งแนวทางในการต่อสู้ต้องดูรายละเอียดในศาล เพราะมี 2 คำสั่ง คสช. ที่เรียกถึง 2 ครั้ง โดยระบุมีโทษจำคุก 4 ปี หรือปรับ 80,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งตนเองต้องการให้ศาลชี้ขาดในเบื้องต้นก่อน เพราะเมื่อมีคำสั่ง คสช. ที่ 57/2557 แล้ว คำสั่งที่ 5/2557 ก็ต้องถือเป็นอันยกเลิกไป แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล และจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าเหตุผลที่ตนเองไม่ได้เข้ามารายตัวตามคำสั่ง คสช. เนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศ และได้แจ้งไปยัง คสช. ถึงเหตุขัดข้องที่ไม่สามารถมารายงานตัวได้
ส่วนกรณีที่ ผศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล ในฐานะสมาชิกคณะนิติราษฎร์ เข้าร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่นั้น ศ.ดร.วรเจตน์ บอกว่าตนเองเสียดายความรู้ความสามารถ แต่ก็เข้าใจและได้ให้กำลังใจ เพราะอยากที่จะเข้าไปทำงานทางการเมืองเนื่องจากอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องรอดูว่าจะสามารถเปลี่ยนได้มากน้อยแค่ไหน แต่ด้วยกติกาตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ไม่สามารถทำอะไรได้ง่าย และเชื่อว่าในไม่ช้าประชาชนจะเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาจริง
ส่วนกรณีที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่นั้น ศ.ดร.วรเจตน์ กล่าวว่าประเทศไทยเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วเมื่อเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 สมัย พลเอก สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งควรที่จะนำบทเรียนเหล่ามาปรับใช้ และส่วนตัวไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต และไม่ทราบว่าจะมีพรรคใดเสนอชื่อพลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่