×

Wonderkid เหล่าเจ้าหนูมหัศจรรย์ ผู้ทำให้ซีเกมส์ครั้งนี้ (ยัง) งดงาม (และสิ่งเล็กๆที่เราได้เรียนรู้จากพวกเขา)

18.12.2025
  • LOADING...
Wonderkid เหล่าเจ้าหนูมหัศจรรย์ ผู้ทำให้ ซีเกมส์ครั้งนี้ (ยัง) งดงาม (และสิ่งเล็กๆที่เราได้เรียนรู้จากพวกเขา)

ท่ามกลางเรื่องราวมากมายในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่อาจทำให้แฟนกีฬาชาวไทยไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไรนัก แต่อย่างน้อยเราก็พอจะบอกได้ว่ามหกรรมกีฬาของมหาชนชาวอาเซียนครั้งนี้มีแง่มุมที่ดีและยอดเยี่ยมให้ชื่นใจได้ไม่น้อยเช่นกัน

 

โดยเฉพาะกับเหล่า ‘Wonderkid” เจ้าหนูมหัศจรรย์ทั้งหลายที่ลงไปวาดลวดลายเก่งกาจเกินตัวในการแข่งขัน

 

‘มินิ’, ‘ฟิราส’, ‘แป้งร่ำ’, ‘มีอา’

 

ไปจนถึง ‘เทพบิว’

 

เด็กๆเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ความงดงามที่เกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้ แต่พวกเขายังเป็นความหวังของอนาคตวงการกีฬาไทยด้วยเช่นกัน

 

และถึงจะเด็กแต่ก็หลายอย่างที่พวกเขาแอบสอนผู้ใหญ่อย่างเราทางอ้อมได้อย่างน่าสนใจ

 

การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศไทยเดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ท่ามกลางเรื่องชวนส่ายหัวไม่เว้นแต่ละวัน

 

แต่อย่างน้อยที่สุดหากเราพยายามเอามือสองข้างมาไว้ที่ปลายคิ้ว ให้สายตาของเราได้โฟกัสที่เรื่องของการแข่งขันในสนามเพียงอย่างเดียวแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงจะมองเห็น สัมผัสได้ และรู้สึกอะไรคล้ายๆกัน

 

“เด็กไทยเราทำไมมันเก่งจังวุ้ย”

 

Wonderkid เหล่าเจ้าหนูมหัศจรรย์ ผู้ทำให้ ซีเกมส์ครั้งนี้ (ยัง) งดงาม (และสิ่งเล็กๆที่เราได้เรียนรู้จากพวกเขา) 1

 

ไม่ว่าจะเป็น ‘มินิ’ จันทร์เก้า อุดมเพ็ญ หนูน้อยตัวนิดเดียวที่กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนกีฬาชาวไทยหลังจากที่คว้าเหรียญทองในกีฬาสเก็ตบอร์ดประเภทสตรีทมมาครองได้ด้วยวัยเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้น

 

ในประเภทชาย ‘ฟิราส’ คิริน เพชรคีรี เจ้าหนูวัย 11 ขวบก็สร้างชื่อได้ด้วยการคว้าเหรียญเงินการแข่งสเก็ตบอร์ดมาครองได้เช่นเดียวกัน

 

นอกจากนี้ยังมี ‘แป้งร่ำ’ พิมพ์ชนก ชินวีระพันธุ์ สาวน้อยวัย 13 ขวบและมีอา มิลลาร์ สาวลูกครึ่งในวัย 18 ปี สองเงือกสาวที่คว้าเหรียญเงินและเหรียญทองมาคล้องคอได้

 

รวมถึง ‘เทพบิว’ ภูริพล บุญสอน สายลมผู้ร้อนแรงที่กวาดคนเดียว 3 เหรียญทองในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้

 

และอีกมากมายหลายคนที่ผู้ชมแต่ละคนต่างก็คงมีชื่อที่ปรากฏขึ้นในใจแตกต่างกันออกไป

 

เด็กๆเหล่านี้สามารถใช้เวทีการแข่งขันครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี ในฐานะเวทีแจ้งเกิดหรือเวทีในการสร้างชื่อของพวกเขา

 

จริงอยู่ที่กีฬาซีเกมส์ ถือเป็นมหกรรมกีฬานานาชาติขนาดไซส์มินิ ดีกรียังเป็นรองการแข่งขันเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ ไปจนถึงรายการแข่งขันระดับโลกของแต่ละประเภทกีฬา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไม่สำคัญ

 

ในทางตรงกันข้ามซีเกมส์ถือเป็นรายการแข่งขันที่มีความสำคัญหลายด้านสำหรับนักกีฬาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการแข่งขัน นี่คือมหกรรมกีฬานานาชาติที่ได้รับการรับรองและยอมรับ ผลงานจากการแข่งขัน สถิติต่างๆถูกรับรองโดยสหพันธ์กีฬา

 

ในแง่ของประสบการณ์การเรียนรู้ซีเกมส์คือเวทีเล็กแต่ใหญ่ เป็นเหมือนการซ้อมใหญ่ก่อนขึ้นไปสู่ระดับที่สูงกว่า

 

ความสำเร็จและเหรียญรางวัลยังสัมพันธ์ต่อยอดเงินรายได้เบี้ยเลี้ยง ไปจนถึงการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ต่างๆ

 

แต่ในมุมของคนรักกีฬา การผลัดกันแจ้งเกิดแทบจะเป็นรายวันสำหรับนักกีฬาไทยของเราที่มีข่าวให้รู้สึกชื่นใจแทบทุกวัน เรื่องนี้ก็มีความสลักสำคัญไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้มันทั้งอ่อมและอ่วม ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมระดับติดลบของเจ้าภาพการแข่งขัน (แม้จะเข้าใจว่าผู้ที่ได้รับมอบหมายในการจัดก็พยายามอย่างเต็มที่เท่าที่เงื่อนไขจะอำนวยแล้วก็ตาม) ไปจนถึงดราม่าการแข่งขันต่างๆที่ไม่ได้ช่วยให้ภาพลักษณ์ของซีเกมส์ดีสักเท่าไร

 

ข่าวของเด็กๆ อย่างเช่น ‘น้องมินิ’ สาวน้อยวัยแค่ 10 ขวบที่สร้างตำนานฉบับกระเป๋าของตัวเองด้วยการคว้าเหรียญทองมาครองได้ในการแข่งขันสเก็ตบอร์ดครั้งนี้ เป็นหนึ่งในข่าวที่ทำให้หัวใจของคนไทย – ในวันที่อะไรๆก็แย่ไปหมด รวมถึงสถานการณ์การสู้รบชายแดนที่ยังไม่จบไม่สิ้น – พองโตและเต้นรัว

 

หรือการสร้างตำนานลมกรดคนใหม่ของ ‘บิว’ ภูริพล ที่ไม่ว่าเราจะทำงานหรือติดตามข่าวสารเรื่องอะไรอยู่ ก็พร้อมจะหยุดทุกอย่างเพื่อเอาใจช่วยให้ความหวังคนใหม่ของไทยไปให้ไกลยิ่งขึ้นให้ได้

 

และภูริพลก็ทำได้ด้วยการทลายกำแพง ’10 วินาที’ ได้เป็นคนแรกของไทย และเป็นคนแรกของอาเซียนด้วย ก่อนจะคว้าถึง 3 เหรียญทองมาครอง

 

สิ่งเหล่านี้คือความงดงามของการแข่งขันในครั้งนี้ที่ควรค่าจะจดจำสำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้

 

Wonderkid เหล่าเจ้าหนูมหัศจรรย์ ผู้ทำให้ ซีเกมส์ครั้งนี้ (ยัง) งดงาม (และสิ่งเล็กๆที่เราได้เรียนรู้จากพวกเขา) 2

 

แต่น้องๆ เหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราได้แค่ดีใจ พวกเขายังมอบอะไรบางอย่างที่สำคัญและมีความหมายให้กับทุกคนด้วย

 

บทเรียนที่ถูกถอดรหัสมาให้อย่างดี ผ่านการต่อสู้ที่แลกมาด้วยกำลังกายและกำลังใจมากมายมหาศาล

 

ยกตัวอย่างเช่น บทเรียนชีวิตนักกีฬาของ มีอา มิลลาร์ เงือกสาวเจ้าของเหรียญทองกรรเชียง 200 เมตร ซึ่งถือเป็นเหรียญแรกในรอบ 22 ปีของไทยในกีฬาซีเกมส์

 

ก่อนจะมาถึงวันนี้ มีอา เคยผ่านประสบการณ์ที่เจ็บปวดมาแล้วกับซีเกมส์ 2 สมัยก่อนหน้านี้ในปี 2022 และ 2023 เพราะ ‘แบกความหวัง’ ของคนมากมายเอาไว้จนเกินกำลังของเด็กอย่างเธอ

 

ลูกครึ่งไทย-นิวซีแลนด์ เคยกดดันตัวเองมากจนเกินไป โฟกัสกับคู่แข่ง โฟกัสกับเหรียญรางวัล จนสุดท้ายทำให้เธอเกือบพังทั้งชีวิต แต่สุดท้ายเมื่อปลดล็อกทางจิตใจของตัวเองได้ มีอาก็ได้รู้ว่าคู่แข่งสำคัญที่เธอต้องสนใจไม่ใช่คนอื่น

 

คู่แข่งคือตัวเอง พยายามทำให้ดีที่สุด ทำตามที่ฝึกซ้อมมา สนใจแค่สถิติขิองตัวเอง และสนุกกับการแข่งขันให้ได้มากที่สุด (มีอา มิลลาร์ ลดความกดดัน ทิ้งความคาดหวัง การรีเซตจิตใจ เพื่อชัยชนะที่แท้จริง)

รอยยิ้มของเธอกลับมาพร้อมกับเหรียญรางวัล

 

และบางครั้งต่อให้ไม่ได้รางวัลที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่สำเร็จ

 

สำหรับ ‘ลูกแก้ว’ กัญจ์ณาลักษณ์ ชื่นชูกลิ่น นักกีฬาเทควันโดหญิง เจ้าของเหรียญทองแดงในรุ่น 73 กก. ในวัย 18 ปี ยืนปาดน้ำตาอยู่บนโพเดียมเงียบๆ

 

หลายคนเดาว่าเธอคงเสียใจ

 

ใช่ – เธอเองก็เสียใจ เพราะพลาดแค่นิดเดียวในช่วง 1-2 วินาทีของยกแรกในรอบรองชนะเลิศ ทำให้เธอพลาดความหวังที่จะคว้าเหรียญทองไป

 

แต่ในความเสียใจจอมเตะสาวของเราก็ได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่มีค่าที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนอีก โดยเฉพาะโจทย์ใหญ่ในการควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจเอาไว้ไม่ให้แรงเกินไป ไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไปเมื่อต้องลงแข่งต่อหน้าผู้ชม

 

“ตื่นเต้นมากค่ะ ลงไปตื่นคนค่ะ คนเยอะมากด้วย เป็นแมตช์ทีมชาติครั้งแรกของหนูด้วย ที่ผ่านมาเคยติดทีมเยาวชนตอนอายุ 15 พอมาเจอรุ่นใหญ่ก็เรียนรู้ได้ทันทีว่าเรายังแข็งแรงไม่พอ”

 

เมื่อรู้ปัญหา และรู้ใจตัวเอง ลูกแก้วยืนยันว่าเธอพร้อมจะก้าวเดินต่อไป สิ่งที่ได้เรียนรู้จากซีเกมส์จะเป็น ‘ต้นทุน’ เอาไว้ให้ใช้ต่อยอด ไปจนถึงรายการชิงแชมป์โลก และปลายทางของความฝันอย่างการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก

 

“เป็นหนึ่งในกองเชียร์ข้างสนามวันนั้น หนูไม่ได้แพ้ที่ฝีมือเลยนะลูก ประสบการณ์จะทำให้หนูแข็งแกร่งกว่าเดิม สู้ต่อไปนะลูก” หนึ่งในกำลังใจจากผู้ชมข้างสนามที่ส่งผ่านคอมเมนต์ในโพสต์ของ The Standard Sport

 

แค่นี้ก็เรียกว่าสำเร็จแล้ว

 

Wonderkid เหล่าเจ้าหนูมหัศจรรย์ ผู้ทำให้ ซีเกมส์ครั้งนี้ (ยัง) งดงาม (และสิ่งเล็กๆที่เราได้เรียนรู้จากพวกเขา) 3

หรือการทลายกำแพงที่ยิ่งใหญ่ของภูริพล ที่ไม่มีหนทางลัด

 

ซ้อมและซ้อมและซ้อมเท่านั้น

 

“ถ้าอยากจะไปเร็วคุณต้องมีความอดทน” คือสิ่งที่โค้ชชาวอเมริกัน เจนทรี แบรดลีย์บอกกับบิวมาตลอด และ “ความใจเย็น เขาอดทนในรอบคัดเลือกถึงทำได้สำเร็จ (วิ่ง 100 เมตรในเวลาต่ำกว่า 10 วินาที)” คือสิ่งที่ทำให้เขาทำได้สำเร็จ

 

ทั้งๆ ที่เกิดมามีพรสวรรค์ แต่มันไม่ได้เป็นการการันตีทุกอย่าง พรแสวงต่างหากที่พาเขาไปได้ไกลกว่าเดิม ซึ่งโค้ชแบรดลีย์ เข้ามาปรับการวิ่งและรูปแบบการฝึกซ้อมใหม่หมด ที่เจ้าตัวยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ก็พยายามจนได้

 

โดยไม่นับเรื่องของการดูแลร่างกาย ระเบียบ วินัย การกำหนดจิตใจ (Mentality) ที่ทุกอย่างต้องทำด้วยตัวเอง ไม่มีใครมาทำให้

 

สิ่งเหล่านี้เรียกว่า ‘ความรับผิดชอบ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ไม่ใช่แค่นักกีฬาต้องมี แต่ทุกคนควรจะมี

 

‘นาโน’ วัชรกุล ลิ้มจิตรกร เจ้าของเหรียญทองแรกของไทยในกีฬาซีเกมส์หนนี้ในกีฬาเทควันโดประเภทท่ารำ ฟรีสไตล์ หญิงเดี่ยวที่ความรับผิดชอบต่อทั้งชีวิตการเรียน (ในฐานะนักศึกษาเทคนิคการสัตวแพทย์) และชีวิตการเป็นนักกีฬาพาเธอมาถึงฝั่งฝัน

 

ใน 1 สัปดาห์มี 7 วัน นาโนใช้เวลา 6 วันไปกับทั้งการเรียนและกีฬา

 

ตื่นตี 5 มาฝึกซ้อมจนถึง 8 โมงก่อนจะไปเรียน กลับมาก็ซ้อมต่ออีก 3 ชั่วโมง บางวันกว่าจะเลิก 3 ทุ่มก็มี แต่ถ้าไม่อดทน ไม่รับผิดชอบ ก็มาไม่ถึงตรงนี้

 

สิ่งเล็กๆในเรื่องราวความสำเร็จของเหล่านักกีฬาอายุน้อยเหล่านี้เป็น ‘Life lessons’ หรือบทเรียนชีวิตที่มีค่าอย่างมาก และเป็น ‘ยาใจ’ ที่ดีสำหรับทุกคน

 

หวังว่าทุกคนจะเติบโตอย่างสง่างามและประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีก

 

โดยไม่มีคำใดจะเอ่ยมากไปกว่าคำว่า ‘ขอบคุณ’ ที่ทำให้ซีเกมส์ครั้งนี้ยังงดงาม

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising