วันนี้ (19 มกราคม) วิทยา ครองทรัพย์ ผู้ประสานงานสภาลมหายใจภาคเหนือ ร่วมเป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือต่อ พงษ์ศักดิ์ สุระประสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้ตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 8 (ดูแลพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน และแม่ฮ่องสอน) ขอให้ตรวจสอบโครงการจัดทำแนวกันไฟของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้เป็นไปตามการจัดจ้าง เพื่อให้การป้องกันปัญหาไฟป่ามีประสิทธิภาพในระหว่างวิกฤตการณ์ฝุ่นควันประจำปี
การเข้ายืนหนังสือในครั้งนี้ เนื่องจากสภาลมหายใจภาคเหนือพร้อมทั้งเครือข่ายและผู้สนใจปัญหาฝุ่นควัน ได้มีกิจกรรม ‘ป่าโปร่งใส’ เรียกร้องให้รัฐบาลกำกับติดตามดูแลตรวจสอบการใช้งบประมาณแก้ไขไฟป่า ฝุ่นควันภาคเหนือให้เป็นไปโดยโปร่งใส และเปิดให้มีส่วนร่วม
วิทยากล่าวว่า จากข่าวเรื่องการทุจริตเรียกเก็บเงินจากงบประมาณของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่ปรากฏ พบข้อมูลว่าหน่วยงานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่าถูกเรียกเก็บในสัดส่วนมากที่สุดถึงกว่าร้อยละ 30 ซึ่งหากเป็นจริงเชื่อว่าจะกระทบกับการแก้ปัญหามลพิษฝุ่นควันและไฟป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่เรื้อรังมานาน โดยเฉพาะการทำแนวกันไฟ, อุปกรณ์, ความพร้อมของการเจ้าหน้าที่ และอาจรวมถึงการปล่อยให้ไฟไหม้ป่าโดยไม่จำเป็น เพื่อรักษาสัดส่วนงบประมาณแต่ละปี
หากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลกระทบโดยตรง เพราะภาคเหนือเกิดวิกฤตมลพิษอากาศ ปัญหาไฟในป่าจำนวนมาก ดังนั้น กิจกรรมเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์ของรัฐ ควรเปิดเผย โปร่งใส และต้องเปิดให้สาธารณะเข้าไปมีส่วนร่วมรับรู้ จึงอยากจะให้รัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ดำเนินการให้เกิด ‘ป่าโปร่งใส’ โดยเครือข่ายผู้เรียกร้องจึงขอยื่นหนังสือต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 8 พิจารณาตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างตามแผนงาน จัดทำแนวกันไฟในป่าอนุรักษ์ของหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดจ้าง และก่อให้เกิดประโยชน์ในการป้องกันไฟป่า
ในแต่ละปี หน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ใช้งบประมาณจัดทำแนวกันไฟในภาคเหนือ รวมกันระยะทางยาวกว่า 15,000 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณจัดจ้างประมาณกิโลเมตรละ 5,000 บาท ถือเป็นงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้ประกาศประกวดราคาทำแนวกันไฟในเขตป่าจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 4,100 กิโลเมตร และหากมีการเรียกเงินร้อยละ 30 ตามข่าวจริง จะส่งผลทำให้แนวกันไฟไม่เป็นไปตามการว่าจ้าง และแนวกันไฟมีระยะทางยาวอยู่ในป่าเขาสูง จึงยากที่คนภายนอกจะเข้าไปตรวจสอบ จึงต้องร้องขอให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่มีหน้าที่ตรวจสอบโดยตรงพิจารณาดำเนินการต่อไป
ด้านพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือแล้ว เบื้องต้นผู้ยื่นแจ้งว่ามีความกังวลใจเรื่องการใช้งบประมาณ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลหลักฐานใดๆ ซึ่งคงจะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามระเบียบ โดยจะประสานกับทางเครือข่ายเพื่อแจ้งความคืบหน้าต่อไป
เรื่องและภาพ: พงศ์มนัส ทาศิริ