×

“วิถีถิ่น วิถีไทย” งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ ขับเคลื่อน Soft Power ไทยสู่เวทีโลก [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
12.09.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • งาน “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” รวมเสน่ห์ไทยทั้ง 4 ภาคไว้ครบในงานเดียว เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีตลอด 5 วัน ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
  • พิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่ ถ่ายทอดศิลป์แผ่นดินสยาม พร้อมการแสดงจากอิงฟ้า วราหะ และสงกรานต์ The Voice ที่สะกดสายตาผู้ชมทั้งฮอลล์
  • แนวคิด “ไทยดี” ถ่ายทอดคุณค่าความเป็นไทยผ่าน 4 มิติ ตั้งแต่ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม อาหาร ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ชุมชน สะท้อน Soft Power ไทยอย่างชัดเจน
  • พื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. ถูกเนรมิตเป็นเวที “ชม ชิม ช้อป แชร์” ครบในที่เดียว ทั้งนิทรรศการ ชุดไทยพระราชนิยม โซนอาหาร เวิร์กช็อปคราฟต์ และแลนด์มาร์กถ่ายภาพ
  • เวทีการแสดงหมุนเวียนทั้งวัน รวมศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน และศิลปินร่วมสมัย บอกเล่าวัฒนธรรมไทยที่ไม่หยุดนิ่งและร่วมสมัยเสมอ
  • ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมย้ำ งานนี้ไม่ใช่แค่โชว์ แต่คือการใช้วัฒนธรรมเชื่อมเศรษฐกิจและสังคม ขับเคลื่อน Soft Power ไทยให้ก้าวไกลสู่อนาคต
  • งานจบลงด้วยความทรงจำ แรงบันดาลใจ และความภูมิใจร่วมของผู้เข้าร่วม สะท้อนว่าวัฒนธรรมไทยคือปัจจุบันที่มีชีวิตและอนาคตที่พร้อมเติบโต
  • “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” พิสูจน์แล้วว่า Soft Power ไทยคือพลังจริงที่สร้างผลลัพธ์ทั้งเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์นานาชาติ

วัฒนธรรม ความงดงาม และเอกลักษณ์ไทย คือสมบัติอันล้ำค่าที่บอกเล่าเรื่องราวของประเทศเรา และจะยิ่งทรงพลังเพียงใด หากทั้งหมดนี้ถูกนำมาถ่ายทอดในงานเดียวกันอย่างร่วมสมัย งานนั้นก็คือ “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568”

 

 

งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3–7 กันยายน ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี รวบรวมศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างครบถ้วนในพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. เปิดให้เข้าชมฟรี ภายในงานมีทั้งการแสดงจากศิลปิน การจัดแสดงภูมิปัญญาท้องถิ่น งานหัตถกรรม อาหารพื้นถิ่น เวิร์กช็อปงานคราฟต์ และแลนด์มาร์กถ่ายภาพสะท้อนเสน่ห์ไทย 4 ภาค

 

งาน “วิถีถิ่น วิถีไทย” เปิดฉาก 3 กันยายน 2568 มี สุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย ประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รวมทั้งศิลปินแห่งชาติ เครือข่ายวัฒนธรรม แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนเข้าร่วมคับคั่ง พิธีเปิด “รวมศิลป์แผ่นดินสยาม เลื่องลือนามวัฒนธรรมไทย” นำเสนอศิลปะหลากหลาย โดยมีอิงฟ้า วราหะ และสงกรานต์ The Voice ร่วมแสดงกับศิลปินพื้นบ้าน สร้างบรรยากาศคึกคัก

 

 

คอนเซปต์ “ไทยดี” 4 มิติแห่งคุณค่าความเป็นไทยและ Soft Power สู่อนาคต

 

หัวใจสำคัญของงาน “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” อยู่ที่แนวคิด “ไทยดี” ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมต้องการสื่อสารว่า ความเป็นไทยไม่ใช่เพียงมรดกที่ถูกเก็บรักษาไว้ แต่เป็นสิ่งที่ยังคงมีชีวิต สามารถร่วมสมัย และต่อยอดสู่อนาคตได้

 

ประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม อธิบายกับ THE STANDARD ว่า “งานนี้ไม่ใช่แค่การจัดแสดงศิลปวัฒนธรรม แต่คือเวทีที่รวมเสน่ห์จาก 4 ภูมิภาค ถ่ายทอดทั้งภูมิปัญญา วิถีชีวิต และความคิดสร้างสรรค์ร่วมสมัย ภายใต้นโยบาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรม และ Soft Power ของไทย”

 

 

แนวคิด “ไทยดี” จึงถูกแบ่งออกเป็น 4 มิติที่สะท้อนคุณค่าของความเป็นไทยอย่างครบถ้วน ได้แก่

 

  • ดี ประเพณีอันดีงาม – ขนบธรรมเนียมที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นรากเหง้าที่ทำให้ไทยมีเอกลักษณ์
  • ดี ศิลปวัฒนธรรม – การแสดง การละเล่น และงานหัตถกรรมที่ทั้งอนุรักษ์และต่อยอดให้ร่วมสมัย
  • ดี อาหารไทยและอาหารถิ่น – ความอร่อยที่มาพร้อมภูมิปัญญาการกินอยู่ ถ่ายทอดอัตลักษณ์แต่ละภูมิภาค
  • ดี ผลิตภัณฑ์และภูมิปัญญาวัฒนธรรม – สิ่งที่ชุมชนสร้างสรรค์และพัฒนา จนกลายเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสู่ตลาดสากล

 

“นี่คือการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงเศรษฐกิจและสังคม เราต้องการให้ วิถีถิ่น วิถีไทย ไม่ได้หยุดอยู่ที่การอนุรักษ์ แต่ไปต่อได้ในเชิงสร้างสรรค์ และนำไปสู่การพัฒนาชุมชน ประเทศชาติอย่างยั่งยืน”

 

เจาะไฮไลต์โซนงานมหกรรมวัฒนธรรม: ชม ชิม ช้อป แชร์ ครบจบในงานเดียว

 

ประสพ ได้กล่าวถึงหนึ่งในสิ่งที่ทำให้งาน “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” แตกต่างจากงานวัฒนธรรมทั่วไป คือการออกแบบพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตรให้กลายเป็นเวทีที่ทุกคนสามารถ “ชม ชิม ช้อป แชร์” ได้ครบจบในที่เดียว แต่ละโซนไม่เพียงจัดแสดงให้ดู แต่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสและมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด

 

  • นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและชุดไทยพระราชนิยม

จัดแสดงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงและพระราชินี ผ่านสื่อผสมร่วมสมัย โดยมีไฮไลต์คือ “ชุดไทยพระราชนิยม” 8 ชุดที่สะท้อนความงดงามของเครื่องแต่งกายไทยและแสดงให้เห็นว่าความเป็นไทยยังคงทันสมัย

 

 

  • โซนวิถีถิ่น 4 ภาค

รวมกว่า 120 บูธจากทั่วประเทศ ภาคเหนือโดดเด่นด้วยผ้าทอและเครื่องเงิน ภาคใต้มีหนังตะลุงและงานแกะสลัก ภาคอีสานจัดเต็มหมอลำและดนตรีพื้นบ้าน ส่วนภาคกลางและตะวันออกนำเสนองานจักสานและประณีตศิลป์ไทย

 

 

  • โซนอาหารไทยและอาหารถิ่น

กว่า 60 ร้านที่คัดสรรเมนูขึ้นชื่อ เช่น ข้าวซอยเหนือ แกงไตปลาใต้ ส้มตำอีสาน และขนมไทยภาคกลาง กลิ่นหอมและรสชาติจากแต่ละร้านทำให้โซนนี้เต็มไปด้วยผู้คนตลอดทั้งวัน

 

 

  • โซนลองศิลป์ (Cultural Workshop)

เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ลงมือทำงานศิลป์และคราฟต์ด้วยตนเอง ตั้งแต่งานผ้าบาติก ของเล่นพื้นบ้าน เครื่องหอมไทย ไปจนถึงงานคราฟต์ร่วมสมัย กิจกรรมจัดวันละ 3 รอบ รวมกว่า 15 กิจกรรม ตลอด 5 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

 

 

  • ถิ่นไทยสร้างสรรค์ 

พื้นที่ที่นำเสนออัตลักษณ์ของ 7 เมืองสร้างสรรค์ในไทย เชื่อมต่อทุนทางวัฒนธรรมกับการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเมืองอื่นๆ ในอนาคต

 

 

  • แลนด์มาร์กถ่ายภาพ

อีกหนึ่งมุมที่สายคอนเทนต์ไม่ควรพลาด เพราะภายในงานมีการออกแบบฉากและบรรยากาศที่จำลองสถานที่สำคัญและประเพณีของแต่ละภูมิภาคมาไว้ในงาน ผู้เข้าชมได้ทั้งบันทึกภาพ แชร์บนโซเชียล และเก็บประสบการณ์กลับไป

 

 

“สิ่งที่เราตั้งใจมากที่สุดคืออยากให้ผู้เข้าชมได้เห็นว่า ‘ความเป็นไทย’ ไม่ได้อยู่แค่ในพิพิธภัณฑ์หรือการแสดงบนเวที แต่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุกคน ตั้งแต่การกิน การแต่งกาย จนถึงวิถีการใช้ชีวิต งานนี้จึงออกแบบให้ทุกคนได้ทั้ง ‘ชม ชิม ช้อป แชร์’ ครบในที่เดียว และได้สัมผัสอย่างแท้จริงว่า วัฒนธรรมไทยยังมีชีวิต มีพลัง และสามารถต่อยอดเป็นแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้เสมอ” ประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว

 

เวทีรวมศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน และศิลปินร่วมสมัย

 

หากโซนจัดแสดงและบูธต่างๆ คือหัวใจที่ทำให้งาน “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” มีชีวิตชีวา การแสดงบนเวทีก็คือเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงให้บรรยากาศตลอด 5 วันเต็มคึกคักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

 

ตั้งแต่เวลา 11.00–21.00 น. ทุกวัน เวทีการแสดงหมุนเวียนด้วยการแสดงศิลปะหลากหลายแขนง ทั้งจากกรมศิลปากร กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ รวมถึงเครือข่ายวัฒนธรรมจากทั่วประเทศ ที่ร่วมกันถ่ายทอดเสน่ห์ศิลปะทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย

 

 

บนเวทีนี้ ผู้ชมได้พบกับ ศิลปินแห่งชาติ ที่เป็นเสมือนรากฐานของศิลปวัฒนธรรมไทย ได้แก่

 

  • ประนอม ทาแปง ถ่ายทอดภูมิปัญญาการทอผ้าในฐานะศิลปะชั้นสูง
  • ราตรีศรีวิไล บงสิทธิพร กับหมอลำประยุกต์ที่สะกดคนดูทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่า
  • พิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา หรือโย่ง เชิญยิ้ม ที่นำเพลงฉ่อยมาถ่ายทอดอย่างมีชีวิตชีวา
  • ผศ.ดร.ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ กับการแสดงโนราที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านลีลาการร่ายรำ
  • ฉวีวรรณ พันธุ ผู้เป็นตำนานหมอลำ ที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นหลัง

 

นอกจากนั้น งานยังเปิดเวทีให้ศิลปินร่วมสมัยและศิลปินดังได้สร้างสีสัน ทั้ง สงกรานต์ The Voice เวียง นฤมล ระเบียบวาทศิลป์ ลิเกคณะกุ้ง สุธิราช D GERRARD ฮาย อาภาพร และเบิ้ล ปทุมราช ซึ่งช่วยเชื่อมโยงโลกของดนตรีป๊อปเข้ากับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น

 

“เราอยากให้งานครั้งนี้เป็นพื้นที่ที่ทั้งศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน และศิลปินรุ่นใหม่ได้มายืนบนเวทีเดียวกัน เพื่อสะท้อนว่าศิลปะและวัฒนธรรมไทยไม่เคยหยุดนิ่ง แต่กำลังเดินไปพร้อมกับคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันก็ยังคงรากเหง้าที่มั่นคงไว้”

 

วัฒนธรรมขับเคลื่อน Soft Power ไทยเชื่อมเศรษฐกิจและสังคม

 

สิ่งที่ทำให้งาน “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” มีความหมายมากกว่าการเป็นงานแสดงศิลปวัฒนธรรมทั่วไป คือวิธีที่กระทรวงวัฒนธรรมออกแบบให้วัฒนธรรมกลายเป็น “พลัง” ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง

 

 

ตลอด 5 วันของการจัดงาน มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกว่า 32,000 คน ขณะที่การถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live มียอดรับชมกว่า 167,370 ครั้ง รวมถึงการเข้าถึงทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 30 ล้านครั้ง ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนชัดว่า งาน “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” ไม่เพียงสร้างบรรยากาศคึกคักหน้างาน แต่ยังขยายพลังการสื่อสารวัฒนธรรมไทยออกไปในวงกว้างทั้งประเทศและต่างชาติ ต่อยอดนโยบายเศรษฐกิจวัฒนธรรม มอบประโยชน์แก่ชุมชน ช่างฝีมือ และเยาวชน และแสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมไทยยังมีชีวิตและสร้างแรงบันดาลใจได้เสมอ

 

 

เมื่อม่านปิดลง: มรดกวัฒนธรรมและแรงบันดาลใจที่ยังคงอยู่

 

ผู้เข้าร่วมจำนวนมากสะท้อนตรงกันว่า งานครั้งนี้มีความเป็นไทยที่ชัดเจนและมีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการแสดง การช้อปปิ้งสินค้า และการลงมือทำเวิร์กช็อปจริง อีกทั้งยังมีข้อเสนอแนะให้เพิ่มโซนอาหารถิ่นในปีต่อไป เพื่อขยายประสบการณ์ด้านอาหารไทยให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นฟีดแบ็กที่แสดงถึงความผูกพันของผู้คนกับงาน และเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาต่อไป

 

“งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเวทีเพื่อความบันเทิง แต่คือการสร้างคุณค่าร่วมให้คนไทยทั้งประเทศ เราอยากให้ทุกคนเห็นว่าความเป็นไทยสามารถเดินไปพร้อมโลกได้อย่างสง่างาม และนี่คือการสนับสนุน Soft Power ไทยให้ดังไกล”

 

 

สรุปและวิเคราะห์ Soft Power ไทย: จาก “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” สู่พลังสร้างสรรค์ระดับโลก

 

ตลอด 5 วันที่ผ่านมา “วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า Soft Power ไม่ใช่เพียงถ้อยคำในนโยบาย แต่คือพลังที่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้จริงในหลายมิติ

 

  • เชิงวัฒนธรรม งานนี้ทำให้เห็นว่า ประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นยังคงมีชีวิต สามารถนำเสนอในรูปแบบร่วมสมัยที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้
  • เชิงเศรษฐกิจ ชุมชนกว่า 120 บูธ และร้านอาหารกว่า 60 ร้าน ได้พื้นที่ขายและโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตนเอง ขณะที่ศิลปินและช่างฝีมือได้โอกาสต่อยอดผลงานสู่ตลาดที่กว้างขึ้น
  • เชิงสังคม งานนี้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่กลางที่เชื่อมโยงคนต่างรุ่น ต่างพื้นที่เข้าด้วยกัน สร้างความภูมิใจร่วม และเสริมพลังทางใจให้กับศิลปินและผู้ประกอบการไทย
  • เชิงนานาชาติ ด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนต่างชาติ งานนี้กลายเป็นเวทีที่สะท้อนภาพลักษณ์ไทยในฐานะประเทศที่มีทุนทางวัฒนธรรมอันทรงพลัง พร้อมส่งต่อสู่เวทีโลก

 

งานครั้งนี้ยังสร้างผลลัพธ์เชิงเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม มียอดใช้จ่ายภายในงานกว่า 11 ล้านบาท และก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจรวมมากกว่า 85 ล้านบาท ตอกย้ำว่า “ทุนทางวัฒนธรรม” ของไทยไม่เพียงทรงคุณค่าในเชิงอัตลักษณ์ แต่ยังสามารถต่อยอดเป็นพลังสร้างรายได้และโอกาสใหม่ให้กับผู้ประกอบการ ศิลปิน และชุมชนทั่วประเทศ

 

“วิถีถิ่น วิถีไทย 2568” ได้วางรากฐานให้เห็นว่าวัฒนธรรมสามารถเป็น Soft Power ที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกัน เป็นการประกาศให้โลกเห็นว่าไทยไม่ได้เพียงภาคภูมิใจในรากเหง้า แต่ยังพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์สู่ความสำเร็จ กระทรวงวัฒนธรรมจะเดินหน้าสานต่อนโยบายเชิงรุก เพื่อให้วัฒนธรรมไทยเป็นพลังสร้างรายได้และโอกาสใหม่ในเวทีโลก “แล้วพบกันใหม่ในปีหน้า” คือคำสัญญาที่ปลัดกระทรวงกล่าวทิ้งท้าย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising