วันนี้ (30 พฤษภาคม) เวลา 08.46 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการถือหุ้น ITV ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หากเทียบเคียงกับคดีถือหุ้นสื่ออื่นๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปแล้ว ว่ามีหลายคดี ตนยังไม่ได้ดู แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นคดีไหน แต่เป็นคดีเกี่ยวกับการถือหุ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อย่างคดีของ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส. จังหวัดนครนายก พรรคประชาธิปัตย์ เทียบเคียงได้หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า เทียบได้ แต่ประเด็นแตกต่างกัน เพราะกรณีของชาญชัย บริษัทแม่ถือหุ้นของบริษัทลูก แต่ก็ต้องเอามาดูด้วยกันทั้งหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า กรณีที่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นำคำวินิจฉัยของศาลไปยื่นเป็นหลักฐานเพิ่มเติม พอจะสามารถเทียบเคียงได้หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ยังไม่เห็นว่าเขายื่นอะไรบ้าง และตนก็บอกไม่ถูกว่าจะให้ไปดูคดีไหน เพราะมีหลายคดีสามารถเทียบเคียงได้ แต่ต้องไปดูกันเอาเอง และตนไม่ได้มีหน้าที่อะไรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตรงนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่รักษาการยาวจะมีผลต่อการเบิกใช้จ่ายงบประมาณหรือไม่ ว่างบประมาณที่ต้องขอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คืองบประมาณกลาง ซึ่งหาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการยาวเลยวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ตามรัฐธรรมนูญบอกว่าสามารถใช้งบปีก่อนได้ ซึ่งไม่ถือเป็นงบกลาง ส่วนงบผูกพันเดิมรัฐบาลของรัฐบาลชุดนี้ก็ยังคงผูกพันต่อ ทั้งนี้ ส่วนงบประมาณอื่นที่ไม่เกิน 100 ล้านบาท ถ้าไม่เข้าในส่วนของงบกลางก็สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอ กกต. ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังทำแบบนี้ ยกเว้นแต่ส่วนที่จะต้องนำเข้าคณะรัฐมนตรีเท่านั้นเอง
