วันนี้ (14 มิถุนายน) วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีหากผู้ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จะสามารถเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ว่า เมื่อวานนี้คำถามมันหลายคำถามจากมาตรา 151 แล้วก็ไม่รู้ว่าขยับกระโดดคำถามไปเป็นคำถามในมาตรา 82 เมื่อใด ซึ่งหลักง่ายๆ ที่เขามาโต้แย้งตน ถ้าเป็นไปตามข่าวว่าตนได้พูดอย่างนั้นก็ถูกต้องแล้ว เพราะต้องเรียงลำดับเรื่องการฟ้องตามมาตรา 151 ศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เพราะเป็นการฟ้องตามศาลอาญาปกติ ศาลที่จะสามารถสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้คือศาลรัฐธรรมนูญ และอยู่ที่ว่าขั้นตอนการหยุดปฏิบัติหน้าที่จะหยุดเมื่อใด ซึ่งมีหน้าที่เมื่อเริ่มต้นจากการรับรองผลการเลือกตั้ง หลังจากนั้นเป็นการรายงานตัว และมีการเสด็จฯ เปิดประชุมสภา และมีขั้นตอนการเลือกประธานสภา โดยใช้ ส.ส. ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุด โดยให้สมาชิกได้ปฏิญาณตนจึงถือว่าเป็น ส.ส. แต่ความเป็น ส.ส. ที่จะเข้าชื่อกัน จำนวน 1 ใน 10 มันจะเกิดขึ้นเมื่อได้มีการปฏิญาณตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมยกตัวอย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ว่าสามารถปฏิญาณตนได้ในฐานะ ส.ส. แต่หากศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องดูว่าศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใด
แต่หากไม่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีก็สามารถดำเนินกระบวนการนั้นไปได้ เว้นแต่มีในคำร้อง ซึ่งตนไม่อยากชี้ช่องว่าในคำร้องได้ร้องอะไรยืดยาวมากกว่านี้ ซึ่งถ้าศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมดก็ไม่สามารถเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากหากเสนอไปแล้วแต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้จะเอาความไปกราบบังคมทูลว่าอย่างไร และเมื่อทรงแต่งตั้งแล้วตั้งรัฐมนตรีก็ไม่ได้ เพราะผู้ที่ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการคือนายกรัฐมนตรี แต่กระบวนการจะต้องเกิดขึ้นตามลำดับอย่างนี้ แต่ไม่ทราบว่าศาลจะสั่งอย่างไรในเวลานั้น เหมือนกับกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ยังทำหน้าที่ได้ เพราะศาลไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดังนั้นสิ่งที่เขาโต้แย้งผมมาก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ว่าหยิบประเด็นขึ้นมาคนละประเด็นกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีกฎหมายใดห้ามเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ไม่มี แต่ตนไม่รู้ว่าคำร้องจะว่าอย่างไร ซึ่งถ้าตนแสดงความคิดเห็นจะหาว่าชี้ช่องให้ร้องอีก ตนจึงไม่ขอตอบในส่วนนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ทั้งหมดอยู่ที่คำร้องของผู้ร้องใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ใช่ และอยู่ที่คำสั่งของศาลด้วย ร้องไป 5 เรื่อง ศาลสั่งแค่ 2 เรื่องก็ไม่ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สุดท้ายแล้วจะอยู่ที่ดุลยพินิจของประธานสภาผู้แทนราษฎรใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีบทบาทสำคัญที่สุดที่จะรับมือเรื่องนี้ เนื่องจากมีลายเซ็นของประธานสภาผู้แทนราษฎรเพียงผู้เดียวในการกราบบังคมทูลเรื่องนี้ เพราะเวลาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจะมีคำว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถามว่า บทบาทของประธานสภา หากเห็นอะไรสมควรหรือไม่สมควรจะต้องดำเนินการตรงนี้ใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า จะต้องรับผิดชอบเหมือนการเสนอแต่งตั้งข้าราชการ จะมาจากกระทรวงใดก็ช่าง นายกรัฐมนตรีเป็นคนเซ็น นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้อยู่ที่ประธานสภาใช่หรือไม่ที่ต้องทำให้ถูกต้อง วิษณุกล่าวว่า ถูกต้อง เริ่มต้นพอเสนอชื่อ ประธานสภาจะรับชื่อนั้นหรือไม่ ถ้าทำไม่รู้ไม่ชี้ก็รับมา และก็ต้องมีการโหวตแข่งอยู่แล้ว 2-3 ชื่อก็ว่ากันไป แต่เมื่อชื่อที่เสนอมาสอบตกประธานสภาก็ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หากได้ขึ้นมาประธานสภาก็ต้องคิดหนัก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หาก ส.ส. โหวตรายชื่อที่มีปัญหาแล้วได้รับการเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจะมีปัญหาด้วยหรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ถูกต้อง ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. แต่เป็นเพียงการรับผิดชอบทางการเมือง แต่ไม่มีการรับผิดชอบทางกฎหมาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพิจารณาตามข้อกฎหมาย จะมีเฉพาะตำแหน่ง ส.ส. หรือนายกรัฐมนตรีที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตราบใดที่ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อาจจะยังไม่มีกฎหมายที่ระบุให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ล่วงหน้าใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ตนไม่กล้าตอบ เพราะเราไม่เคยมีตัวอย่าง ศาลอาจจะสั่งหรือไม่สั่งก็ได้ การสั่งตามมาตรา 82 เป็นการสั่งในตำแหน่ง ส.ส. ส.ว. และรัฐมนตรี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีการร้องแค่เรื่อง ส.ส. เพียงอย่างเดียว จึงสามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ใช่ ตอนนั้นไม่มี แต่หากมีคำร้องในตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพ่วงมาด้วยก็จะเกิดปัญหา ซึ่งเราไม่มีตัวอย่างมาก่อนจึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากจะร้องในกรณีดังกล่าว ต้องให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ตนไม่ขอชี้ช่อง ถ้าผมตอบคุณตรงนี้เท่ากับผมชี้ช่อง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากโหวตนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ผ่าน วาระจะถูกค้างอยู่ในสภาใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า หากโหวตได้เสียงไม่ถึงครึ่งวาระนี้ก็อยู่ในสภาถูกแล้ว แต่ถ้าตนพูดอย่างนี้ก็จะถูกมองว่าชี้ช่องให้รัฐบาลอยู่ยาว ก็ควรทำให้มันเสร็จให้เร็ว วันนี้ไม่เสร็จพรุ่งนี้ก็เลือก มะรืนก็เลือก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเพ่งเล็งการดำเนินคดีต่อพิธาในมาตรา 151 โดยไม่มีสารตั้งต้น วิษณุกล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ เพราะรู้ว่าธงของคำถามคืออะไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี สมชัย ศรีสุทธิยากร ออกมาวิจารณ์ข้อกฎหมายที่เปิดช่องให้ ส.ว. เข้าชื่อ 1 ใน 10 เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส. ตามมาตรา 82 สามารถทำได้ใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า สามารถทำได้ เนื่องจากมาตรา 82 ไม่มีบทเฉพาะกาล สามารถใช้ได้ตลอด