วันนี้ (1 มิถุนายน) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ว่าวันนี้ตนจะเซ็นคำสั่งยกเลิกการตั้งชุดเฉพาะกิจทั้งหมดที่มีอยู่ในกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ทั้งหมด
ซึ่งเป็นการทำงานซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นที่มีทั้งหมดหลายชุด ทั้งชุดของกองบังคับการ กองกำกับการ และชุดที่ถูกแต่งตั้งในระดับสารวัตร ดังนั้นจึงต้องยกเลิกทั้งหมดให้เป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากที่เมื่อวานนี้ (31 พฤษภาคม) มีคำสั่งด้วยวาจาไปแล้ว และขอสงวนการแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจไว้ให้กับระดับผู้บังคับการเท่านั้น ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาเป็นกรณีตามความจำเป็น และเมื่อยกเลิกชุดเฉพาะกิจแล้วจะให้ตำรวจทางหลวงกลับมาบังคับใช้กฎหมายหลักอย่างจริงจัง
โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับรถบรรทุกหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ 7-8 คัน หลังจากนี้จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง วันนี้ในการประชุมจะให้แต่ละกองกำกับการและหน่วยต่างๆ รายงานข้อมูลของส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกในพื้นที่ ว่ามีจำนวนเท่าใด และหน่วยงานไหนเป็นผู้ออกให้
พล.ต.ต. จรูญเกียรติกล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พบมีข้อมูลสติกเกอร์ส่วยรถบรรทุกและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคเอกชน ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงข้อมูลจากจเรตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ยอมรับว่ามีหลายหน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้องกับส่วยดังกล่าว แต่ตำรวจถือเป็นด่านหน้าและใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด จึงทำให้ถูกจับตามอง และมีข้อมูลต่างๆ ค่อนข้างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลทางลับจากแหล่งต่างๆ จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคำบอกเล่าและภาพถ่ายของสติกเกอร์ ทั้งนี้ข้อมูลสติกเกอร์ที่ทางตำรวจมีไม่ได้มีเฉพาะแค่ที่เปิดเผยผ่านสื่อต่างๆ แต่มีมากกว่านั้น โดยในวันพรุ่งนี้ (2 มิถุนายน) ได้นัดหมายกับนายกสมาพันธ์รถบรรทุกแห่งประเทศไทย เข้ามาให้ข้อมูลการทุจริต ส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก รวมไปถึงหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหา
ส่วนการประสานขอข้อมูลจาก วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตอบรับกลับมา ผ่านทาง รอง ผบก.ทล. แต่ตนอาจจะประสานไปด้วยตนเอง ทั้งนี้ตนเองชื่นชมวิโรจน์ที่นำข้อมูลการทุจริตต่างๆ มาเปิดเผย รวมไปถึงส่วยในลักษณะอื่นๆ ด้วย และยินดีที่จะร่วมงานกันในเรื่องของการปราบปรามการทุจริต
พล.ต.ต. จรูญเกียรติกล่าวต่อไปว่า การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังอาจจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการและหลายฝ่าย จึงอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนนำข้อมูลการทุจริตต่างๆ มาให้คณะทำงานเพื่อแก้ปัญหาทุจริตเรื่องส่วยให้หมดไป
