วันนี้ (1 สิงหาคม) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมแกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่ทางพรรคเพื่อไทยระบุว่าจะมีการประชุมในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ แต่ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาโพสต์ข้อความว่ายังไม่ได้รับแจ้ง
วิโรจน์กล่าวว่า เดี๋ยวก็คงจะได้รับแจ้ง เพราะเป็นการประชุมสำคัญ จะไม่แจ้งได้อย่างไร ตอนนี้ขอให้ใจเย็นๆ กินหวานเย็น กินกาแฟไป คิดมาแล้วมันเครียด พร้อมขอให้เชื่อตนว่าพรรคเพื่อไทยไม่ทำอะไรบ้าๆ
เมื่อถามว่า คาดหวังในการประชุมวันพรุ่งนี้อย่างไรบ้าง วิโรจน์ระบุว่า 8 พรรคร่วมแม้จะรวมกันได้ 312 เสียงภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ มันเป็นไปได้ยาก แต่หากลองจินตนาการดู พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลแพ็กกันแน่น การจัดตั้งรัฐบาลสูตรอื่น การไฮแจ็ก หรือการปล้นอำนาจประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือข่าวลือว่าจะมีการทรยศหักหลังประชาชนตั้ง ‘รัฐบาลกร๊วกๆ’ 262 เสียง เป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก
และเมื่อถามต่อว่า มีการมองว่าพรรคเพื่อไทยใช้วิธีการนัดประชุมหัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลกระชั้นชิด เป็นการมัดมือชกหรือไม่ วิโรจน์ระบุว่า ทุกอย่างก็กระชั้นชิด จะไปว่าเขาก็ไม่ได้ ทุกคนทำงานแข่งกับเวลาหมด ตนถึงบอกว่าทุกวันนี้อย่าเร่งตัวเองจนเกินไป
วิโรจน์ยังย้ำอีกว่า ภายใน 8 พรรคร่วมหากมีการกระทบกระทั่งกันบ้างก็ให้ลืมๆ กันไป เรื่องเล็กๆ ก็ทำเป็นไม่มีเสีย หากจุดยืนเรามั่นคง เชื่อว่าจะมีแรงหนุนของประชาชนและแรงกดดันทางการเมืองที่อยู่บนความชอบธรรมของ 8 พรรคร่วม ขอให้วางอคติต่อกัน เชื่อว่าอีกไม่กี่สัปดาห์เราจะตั้งรัฐบาลได้
เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ ส.ว. มีการหารือกับเรื่องจะไม่โหวตให้ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เพราะไปหาเสียงว่าจะแก้ไข ม.112 เช่นเดียวกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นั้น วิโรจน์กล่าวว่า “เห็นไหม คราวนี้มาเล่นเศรษฐาแล้ว มาเล่นพี่นิดของผมอีกแล้ว ผมถึงบอกอย่างไรล่ะว่าปล่อยวางเถอะ คนเหล่านี้กีดขวางเสียงของประชาชน พออ้างเรื่องหนึ่งแล้วก็อ้างเรื่องสองไม่รู้จักจบจักสิ้น อย่างไปหวังพึ่งใคร หวังพึ่งพ่อผมดีกว่า ง่ายกว่า จุดธูปอธิษฐานถึงพ่อผมเยอะๆ เดี๋ยวพ่อผมก็ช่วย”
เมื่อถามย้ำว่า กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ออกมาระบุว่า คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมีเพียง 2 คน คือ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น วิโรจน์ถอนหายใจก่อนจะตอบว่า ตนไม่เชื่อว่าเพื่อไทยจะทำแบบนั้น สมมติว่าพรรคเพื่อไทยให้ภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และดึงเอารวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐมาร่วม โดยสบโอกาสอ้างว่าจำใจต้องร่วม ตนคิดว่าอย่างไรก็โดนด่าอยู่ดี ประชาชนดูออกว่ามีการเตรียมการและไหลไปรวมกันภายหลัง สุดท้ายพรรคเพื่อไทยก็จะไม่ได้นายกรัฐมนตรี กระทรวงสำคัญก็จะไม่ได้ และยังโดนประชาชนด่าหนักกว่าเดิม
“ถ้าทำแบบนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วดึง 2 ลุงมาร่วมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า แต่ผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่ทำ ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับว่าทิ้งคนเสื้อแดงที่เป็นเพื่อนแท้ เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับคุณมานับ 10 ปีเชียวนะ ไม่มีใครรักพรรคเพื่อไทยเหนียวแน่นเท่ากับคนเสื้อแดงอีกแล้ว ยากมาก คุณเฉือนเพื่อนคุณเพื่อเข้าสู่อำนาจ จะอ้างว่าเพื่อชาติอะไรก็แล้วแต่ ผมว่าฟังไม่ขึ้นอยู่แล้ว” วิโรจน์กล่าว
และเมื่อถามว่า หากไม่มีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติร่วมรัฐบาล พรรคก้าวไกลพร้อมโหวตให้และไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ วิโรจน์กล่าวว่า เป็นหลักการที่จะบอกว่าปิดสวิตช์ ส.ว. แต่การปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นการเชิญชวน ส.ส. ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลมาโหวตไม่ให้ ส.ว. เข้ามาแทรกแซงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งกระแสที่เกิดขึ้นคือยอมให้ ส.ว. แทรกแซง ยอมจำนนต่อ ส.ว. แบบนี้เรียกว่าปิดสวิตช์พรรคก้าวไกล
“ใครจะไปโหวตให้ ไม่มีทาง จะหักหลังก้าวไกลแล้วให้ไปโหวตให้ เป็นไปไม่ได้ พรรคการเมืองที่อาวุโสขนาดพรรคเพื่อไทยไม่ทำอะไรที่มันลับๆ ล่อๆ แบบนี้” วิโรจน์กล่าว