วันนี้ (18 เมษายน) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อสอบถามและการใช้บริการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ ผู้สมัครสสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) 3 เขตประกอบด้วย เขตราชเทวี เขตดินแดง และเขตพญาไท
ก่อนเดินหาเสียง วิโรจน์ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนประเด็นร้อน หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 เมษายน) ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือทนายตั้ม ได้เผยแพร่คลิปบทสนทนาระหว่างหญิงสาวและอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง โดยบางช่วงของการสนทนา นาย ป. ได้บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองทั้งหมดเป็นเกมการเมืองเป็นฝีมือพรรคก้าวไกล
ทันทีที่วิโรจน์ ได้ยินคำถาม ก็ร้อง “โอ้ คนมันจะดีมันอยู่ที่เนื้อในตัวเอง ไม่มีใครไปสร้างหรือทำอะไรได้ ถ้าทุกอย่างถูกต้อง”
ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า ตนเองในฐานะผู้ที่ถูกกล่าวหามาก่อนและขอบคุณพรรคก้าวไกลที่ไม่ได้ถือหางหรือเข้าข้างอะไรเลย ใช้ความโปร่งใสเปิดเผยข้อเท็จจริงกับสาธารณชน และคิดว่าถ้า กทม. มีความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด คือความยุติธรรมของทุกคน แทนที่จะมานั่งโทษใครควรจะออกมาพูดความเป็นจริงเพื่อให้สังคมพิจารณา เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะต้องกล้าเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนได้หายสงสัย และย้ำว่าไม่มีมูลเหตุไหนที่พรรคก้าวไกลจะไปกลั่นแกล้งใช้เกมการเมืองอย่างที่กล่าวหา และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเองแม้จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ไม่ใช่การดิสเครดิตให้อีกฝั่งเสียหายเพื่อให้ใครเทคะแนนมาให้ตนเองด้วย
วิโรจน์ยังกล่าวว่า ตนเองยังงง ว่าพรรคก้าวไกลเคยไปมีเรื่องอะไรกับนาย ป. จึงมากล่าวพาดพิงพรรค ตนยังนึกการเชื่อมโยงไม่ออก
ส่วนพรรคก้าวไกลจะฟ้องกลับหรือไม่นั้น วิโรจน์เปิดเผยว่า รอให้พรรคออกมาชี้แจงเพิ่มเติมในเรื่องนี้อีกครั้ง และตนเองจะขอใช้เวลาที่เหลือเดินหน้าหาเสียงให้เต็มที่ ไม่สนว่าใครจะมาปล่อยข่าวหรือสร้างข่าวเพื่อให้คะแนนหดหาย
วิโรจน์ยังกล่าวถึงประเด็นดราม่าป้ายหาเสียงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ว่า ไปกีดขวางและมีบางรายถูกป้ายล้มทับจนได้รับบาดเจ็บว่า ตั้งแต่มีข้อร้องเรียนตนเองได้ปรับขนาดป้ายหาเสียงให้เล็กต่อทัศนวิสัย แต่ยอมรับมีบางป้ายที่ไปกระทบการใช้ชีวิตจริงและได้สั่งให้ทีมงานสำรวจต่อเนื่อง และหากประชาชนมีข้อเสนอแนะก็พร้อมจะดำเนินการได้ทันที