เวลาถูกถามว่า นิยามของอาหารเพื่อสุขภาพ หรือ Healthy Diet ในมุมมองของหมอผิงเป็นอย่างไร? หมอมักตอบว่า เป็นอาหารที่กินแล้วดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ
แต่คำตอบของคำถามนี้ได้เปลี่ยนไปเมื่อไม่นานมานี้ หลังหมอได้มีโอกาสอ่านเปเปอร์ชิ้นหนึ่งจาก Lancet ซึ่งได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในด้านสุขภาพ อาหาร เกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม และรัฐศาสตร์ จาก 16 ประเทศทั่วโลก เพื่อหาข้อสรุปว่า การรับประทานอาหารแบบไหนที่ส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพมนุษย์และสุขภาพของดาวโลก และจะร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างไร เพื่อนำไปสู่สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนต่อไปในระยะยาว
ด้วยประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น ความต้องการอาหารมาเลี้ยงประชากรจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการเติบโตขึ้นของอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร พบว่า กระบวนการผลิตอาหาร (Food Production) ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้คือสาเหตุที่สำคัญสุดของปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environmental Change) กว่า 30% ของก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้น เป็นผลพวงจากกระบวนการผลิตอาหาร
เมื่อนำกระบวนการผลิตอาหารแต่ละประเภทมาวิเคราะห์ว่า ต้องใช้ทรัพยากรโลกและเกิดผลกระทบต่อโลกมากน้อยเพียงใด โดยพิจารณาจากการผลิตก๊าซเรือนกระจก การใช้ทรัพยากรผืนดิน การใช้พลังงาน การเกิดความเป็นกรดในดินและแหล่งน้ำ และการเกิดมลพิษทางน้ำ พบว่า อาหารที่ใช้ต้นทุนสิ่งแวดล้อมในการผลิต และส่งผลกระทบต่อโลกสูงสุดแบบนำโด่งในทุกด้านคือ เนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น วัว แกะ ตามมาด้วยหมู ไก่ และอาหารทะเล ส่วนอาหารกลุ่มที่จัดว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคือ ธัญพืช ผัก ผลไม้ ถั่ว และกลุ่มที่อยู่ในระดับกลางคือ นมวัวและไข่
จากสุขภาพของดาวโลก กลับมาสู่สุขภาพของมนุษย์เรา ทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสรุปลักษณะการรับประทานอาหารที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจ ดังนี้
- โปรตีนที่รับประทาน ควรเน้นโปรตีนจากพืช ถั่วต่างๆ อาหารที่ผลิตจากถั่วเหลือง ถั่วเปลือกแข็ง และปลา ส่วนไก่และไข่ควรรับประทานพอประมาณ และที่ควรรับประทานให้น้อยคือ เนื้อแดง (หมู วัว แกะ) โดยเฉพาะเนื้อแปรรูป
- ไขมันควรรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวจากพืช ควบคุมการรับประทานไขมันอิ่มตัวให้ไม่มากจนเกินไป และไม่รับประทานไขมันทรานส์
- ควรเน้นคาร์โบไฮเดรตจากธัญพืชไม่ขัดสี (ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต) ลดการรับประทานแป้งขัดขาว และจำกัดการรับประทานน้ำตาลให้ไม่เกิน 5% ของพลังงานในแต่ละวัน
- รับประทานผักและผลไม้รวมกันให้ถึง 5 กำมือต่อวัน (มันฝรั่งไม่นับรวมในกลุ่มผักผลไม้)
- รับประทานนมวัวหรือผลิตภัณฑ์จากนมวัวพอประมาณ (เป็นทางเลือก)
นักวิจัยยังระบุต่อไปว่า อาหารที่น่าจะจัดว่าเป็น Lose-Lose Diet เพราะส่งผลเสียทั้งต่อสุขภาพและโลกใบนี้คือ เนื้อแดง เนื้อแปรรูป และอาหารน้ำตาลสูง แต่ความจริงที่น่าเศร้าคือ ประชากรส่วนใหญ่ในโลกยังเลือกที่จะรับประทานอาหารกลุ่มนี้เป็นหลัก ซึ่งหากประชากรโลกเพิ่มขึ้นถึง 1 หมื่นล้านคนในปี 2050 อย่างที่คาดการณ์กันนั้น โลกจะประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามมาอีกมาก จึงมีความพยายามที่จะผลักดันกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้คนหันมารับประทานอาหารที่มาจากพืชเป็นหลัก หรือ Plant-Based Diet มากขึ้น เพื่อผลในระยะยาวต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
การเลือกที่จะให้อาหารแต่ละอย่างผ่านเข้าสู่ร่างกายของเรา เป็นทางเลือกที่แต่ละคนอาจมีเหตุผลต่างกันไป บางคนอาจเลือกที่รสชาติ บ้างอาจเลือกที่ความสะดวก โดยส่วนตัวหมอเองแล้ว หมอเลือกที่จะรับประทาน Healthy Diet (แม้จะพ่ายแพ้ต่อความอยากบ้างในบางครั้ง) ซึ่งนิยาม Healthy Diet ของหมอคือ อาหารที่ดีต่อสุขภาพกายใจ และดีต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เพราะหมอเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เริ่มจากจุดเล็กๆ คือตัวเราก่อนเสมอ เรามาเริ่มต้น Win-Win Diet เพื่อลดโรคและรักษ์โลกไปด้วยกันนะคะ
อ่านเรื่อง นมวัว VS นมพืช ดื่มแบบไหนได้ประโยชน์สูงสุด ได้ที่นี่
อ่านเรื่อง ผลวิจัยชี้ ผักผลไม้มีไม่เยอะพอ หากคนทั้งโลกรับประทานตามคำแนะนำ ได้ที่นี่
ภาพ: Shutterstock, สลัก แก้วเชื้อ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Willett, Walter, et al. “Food in the Anthropocene: the EAT–Lancet Commission on healthy diets from sustainable food systems.” The Lancet 393.10170 (2019): 447-492.