วิคตอเรีย อซาเรนกา อดีตนักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลกชาวเบลารุส และ ดานิล เมดเวเดฟ นักเทนนิสชายมือ 2 ของโลกชาวรัสเซีย คือส่วนหนึ่งของนักหวดลูกสักหลาดที่จะหมดสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันรายการ ‘วิมเบิลดัน’ 1 ใน 4 แกรนด์สแลมที่ยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าที่สุดของโลก
สาเหตุเกิดจากการที่ ‘ออล อิงแลนด์ คลับ’ ผู้จัดการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันตัดสิทธิ์นักกีฬาจากประเทศรัสเซียและเบลารุสจากการเข้าร่วมแข่งขันประจำปีนี้เพื่อเป็นการโต้ตอบต่อทั้งสองประเทศที่ทำการรุกรานยูเครนมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์โดยที่สงครามยังไม่ยุติ
ทั้งนี้แม้ในแถลงการณ์จะระบุว่า ออล อิงแลนด์ คลับ และ วิมเบิลดัน ‘เสียใจ’ ที่จะต้องมีนักเทนนิสที่เจ็บปวดกับเรื่องนี้แต่จำเป็นต้องทำ ‘เพื่อจำกัดอิทธิพลของรัสเซียผ่านวิธีการที่รุนแรงที่สุดที่เป็นไปได้’ ซึ่งนอกเหนือจากการแบนแล้วยังมีการเตรียมถอนลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในรัสเซียและยูเครน และจะปฏิเสธการเข้ามาทำข่าวของผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวในสองประเทศนี้ด้วย
ตามรายงานข่าวจาก The Times และ The Guardian ของอังกฤษ ระบุว่า ฝ่ายจัดการแข่งขันมีความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่นักกีฬาจากรัสเซียและเบลารุสจะประสบความสำเร็จในรายการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งอาจจะกระทบต่อภาพลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้เป็นปีครบรอบ 100 ปีที่ของสนามเซ็นเตอร์คอร์ต ซึ่งเป็นสนามกีฬาหลักที่ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดสนามในฝันของโลกด้วย
อย่างไรก็ดี การแบนนักกีฬาจากชาติที่ก่อสงครามในวิมเบิลดันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการห้ามนักกีฬาจากเยอรมนีและญี่ปุ่น แต่ในช่วงปี 1970-1980 นักกีฬาจากแอฟริกาใต้สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ แม้จะมีปัญหาเรื่องการเหยียดสีผิวที่รุนแรงสาหัสภายในประเทศ
ทางด้าน นาดีน ดอร์รีส์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และกีฬา (DCMS) ของอังกฤษระบุว่า “การตัดสินใจครั้งนี้หมายถึงการที่ (วลาดิเมียร์) ปูตินจะไม่สามารถใช้รายการแกรนด์สแลมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทนนิส ในการพยายามจะทำให้เรื่องเลวร้ายที่เขาทำต่อประชาชนชาวยูเครนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง นี่คือการก้าวเดินที่ถูกต้องแล้ว”
ขณะที่ทางด้านลอนเทนนิสสมาคมอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขันรายการเทนนิสคอร์ตหญ้ารายการอื่นๆ ในอังกฤษ ซึ่งรวมถึงรายการควีนส์คลับ ได้มีคำสั่งแบนนักเทนนิสรัสเซียและเบลารุสด้วยเช่นกัน
สำหรับการตัดสินใจของวิมเบิลดันในครั้งนี้ถือเป็นรายการแรกในวงการเทนนิสที่ประกาศแบนนักเทนนิสจาก 2 ชาติดังกล่าวไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางด้าน ATP และ WTA ได้ดำเนินการแค่เพียงไม่อนุญาตให้ลงแข่งใต้ธงชาติของรัสเซียและเบลารุส
สิ่งที่น่าสนใจคือปฏิกริยาที่เกิดขึ้นตามมานั้นมีกระแสต่อต้านรุนแรงกว่าที่คาด นำมาโดย โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสชายมือ 1 ของโลกที่ไม่เห็นด้วยการกระทำครั้งนี้
ยอโควิช ซึ่งเมื่อต้นปีตกเป็นเป้าจากกรณีการพยายามเข้าร่วมแข่งขันออสเตรเลียนโอเพน โดยที่ยังไม่ได้เข้ารับวัคซีนโควิด และเพิ่งเริ่มกลับมาลงแข่งขันอีกครั้ง กล่าวถึงเรื่องนี้หลังคว้าชัยชนะในรอบที่ 4 ของรายการเซอร์เบียโอเพน ที่เมืองเบลเกรด ในบ้านเกิดว่า “ผมประณามการก่อสงครามมาตลอด ผมไม่มีวันสนับสนุนสงครามแน่นอน เพราะผมก็เป็นเด็กที่เกิดในยุคสงคราม ผมรู้ดีว่ามันจะสร้างความเจ็บปวดติดตัวมากแค่ไหน ในเซอร์เบียพวกเราทุกคนรู้ดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1999 และในคาบสมุทรบอลข่านเราก็มีสงครามหลายครั้งในประวัติศาสตร์ แต่ผมไม่สามารถสนับสนุนการตัดสินใจของวิมเบิลดันได้ ผมคิดว่ามันบ้ามาก
“ผู้เล่น นักเทนนิส นักกีฬา พวกเขาไม่มีส่วนอะไรกับสิ่งนี้ (สงคราม) เมื่อการเมืองเข้ามาแทรกแซงเกมกีฬาแล้ว ผลของมันย่อมเลวร้าย”
ด้าน ATP ซึ่งจัดรายการทัวร์ของประเภทชายได้ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยเช่นกันว่า “การตัดสินใจฝ่ายเดียวครั้งนี้ถือว่าไม่ยุติธรรม และมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างความเสียหายให้แก่เกมการแข่งขัน การกระทำใดก็ตามที่จะทำเพื่อตอบโต้การตัดสินใจครั้งนี้จะได้รับการประเมิน” โดยฝ่าย WTA ที่จัดการแข่งขันทัวร์ประเภทหญิงก็ออกแถลงการณ์โต้ตอบการตัดสินใจด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ATP และ WTA จะต่อสู้กับวิมเบิลดันเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างแน่นอน
ขณะที่ มาร์ตินา นาฟราติโลวา อดีตแชมป์วิมเบิลดัน 9 สมัย ในช่วงปี 1978-1990 ผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ของวิมเบิลดัน “การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เกิดสุญญากาศ โดยออล อิงแลนด์ คลับ และฉันเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขา แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขามองภาพใหญ่ ฉันผิดหวังกับการตัดสินใจของพวกเขา”
ด้านรัฐบาลเครมลินเองตอบโต้การตัดสินใจครั้งนี้ตามความคาดหมาย “การจับเอานักกีฬาเป็นตัวประกันของปัญหาการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ ผมหวังว่านักกีฬาเหล่านี้จะไม่สูญเสียสภาพความฟิตของพวกเขา” ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียกล่าว
แต่เสียงอีกฝั่งที่สะท้อนออกมาคือกลุ่มนักเทนนิสชาวยูเครน ที่นำโดย เอลินา สวิโตลินา, มาร์ตา คอสต์ยุก ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันขอให้ ATP และ WTA แบนนักกีฬารัสเซียและเบลารุสในรายที่ไม่ยอมแสดงจุดยืนต่อต้านการรุกรานประเทศบ้านเกิด
สำหรับจำนวนนักเทนนิสที่จะถูกแบนจากการเข้าแข่งขันวิมเบิลในปีนี้ เบื้องต้นในประเภทชายนอกจากเมดเวเดฟแล้วยังมี อังเดร รูเบลฟ – ผู้ที่เคยเขียนข้อความบนกล้องโทรทัศน์ว่า ‘No War Please’ – รวมถึงนักเทนนิสชายรัสเซียและเบลารุสรายอื่นๆ ที่มีจำนวน 5 คน จาก Top 100 ของ ATP Rankings จะถูกตัดสิทธิ์จากรอบเมนดรอว์ ขณะที่ประเภทหญิงนอกจากอซาเรนกา ยังมี อารีนา ซาบาเลนกา ซึ่งเป็นชาวเบลารุสทั้งคู่ และนักกีฬาอื่นๆ อีก 11 คนจาก Top 100 ที่จะถูกตัดสิทธิ์เช่นกัน
โดยที่เชื่อว่าจะเป็นประเด็นใหญ่ที่จะต้องมีการพูดคุยหารือร่วมกัน บนคำถามใหญ่ว่า ตกลงแล้ว ‘กีฬา’ กับ ‘การเมือง’ เป็นสิ่งที่ควรจะนำมารวมเป็นเนื้อเดียวกันจริงหรือไม่
อ้างอิง: