×

อะไรคือ ‘วิมเบิลดัน เคอร์ฟิว’? กฎที่ส่งผลให้เกมระหว่าง แอนดี มาร์รีย์ กับ สเตฟานอส ซิตสิปาส แข่งขันไม่จบเมื่อวานนี้

07.07.2023
  • LOADING...
วิมเบิลดัน เคอร์ฟิว

เกมระหว่าง แอนดี มาร์รีย์ กับ สเตฟานอส ซิตสิปาส ในคอร์ตหนึ่งของศึกเทนนิสแกรนด์สแลม วิมเบิลดัน ที่ออลอิงแลนด์ลอว์นเทนนิสแอนด์โครเกต์คลับ (AELTC) เมื่อคืนที่ผ่านมา จบลงด้วยการนำอยู่ของนักเทนนิสขวัญใจเจ้าถิ่นเหนือนักหวดจากกรีซ 2-1 เซ็ต ด้วยสกอร์ 6-7 ไทเบรก 3-7, 7-6 ไทเบรก 7-2 และ 6-4

 

เกมไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ หลังจากที่เล่นมาถึงช่วงเวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่เรียกว่า ‘วิมเบิลดัน เคอร์ฟิว’

 

โดยเกมนี้จบเซ็ตที่ 3 ลงก่อนถึงเวลาเคอร์ฟิวราว 20 นาที โดยฝ่ายจัดการแข่งขันพิจารณาแล้วว่าพวกเขาไม่ต้องการให้เซ็ตที่ 4 ทำการแข่งขัน เพราะเกมในเซ็ตดังกล่าวอาจจบไม่ทันช่วงเวลาเคอร์ฟิว ส่งผลให้มีการประกาศยุติแมตช์ลงชั่วคราว ก่อนมาแข่งขันต่อในวันนี้

 

วิมเบิลดัน เคอร์ฟิว

 

แน่นอนว่าการตัดสินใจดังกล่าวตามมาด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความไม่พอใจของผู้ชมในสนามที่อยากชมเกมต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาร์รีย์ที่เป็นนักเทนนิสขวัญใจเจ้าถิ่นตามหลังไปก่อนในเซ็ตแรก กำลังทำผลงานได้ดีด้วยการพลิกเอาชนะได้ใน 2 เซ็ตต่อมาและกุมความได้เปรียบอยู่ การหยุดเกมชั่วคราวจึงเหมือนเป็นการ ‘เบรกโมเมนตัม’ ของเขาไปโดยปริยาย

 

อันที่จริงแล้วฝ่ายจัดการแข่งขันวางโปรแกรมของมาร์รีย์กับซิตสิปาสมาดีระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาเชื่อว่าเกมของทั้งคู่จะจบลงก่อนเวลาเคอร์ฟิวที่ 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หากแต่เกมในเซ็นเตอร์คอร์ตก่อนหน้านี้ระหว่างเพื่อนร่วมชาติของมาร์รีย์อย่าง เลียม บรอดดี ซึ่งเขี่ย แคสเปอร์ รุด มือวางอันดับ 4 ของโลกจากนอร์เวย์ตกรอบ ต้องเล่นกันถึง 5 เซ็ต แม้เกมจะเริ่มแข่งขันในเวลา 13.40 น. ก็ต้องกินเวลาไปถึง 3 ชั่วโมง 28 นาที

 

วิมเบิลดัน เคอร์ฟิว

 

ถัดมาในคู่หญิงเดี่ยวระหว่าง เอลีนา รีบาคินา แชมป์เก่าจากคาซัคสถาน ที่พบกับ เอลิซ กอร์เนต์ จากฝรั่งเศส ที่เริ่มในเวลา 17.25 น. แม้จะจบด้วยผล 2 เซ็ตรวด แต่เกมก็ต้องดีเลย์เพิ่ม หลังจากที่นักหวดจากฝรั่งเศสมีอาการบาดเจ็บระหว่างแมตช์

 

นั่นทำให้กว่าที่การแข่งขันระหว่างมาร์รีย์กับซิตสิปาสจะได้เริ่มก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว แถมทั้งคู่ก็ยังเล่นกันได้อย่างสูสีจนถึงไทเบรกใน 2 เซ็ตแรก ทำให้หลังจบ 3 เซ็ต ทั้งคู่ใช้เวลาการแข่งขันปาเข้าไป 2 ชั่วโมง 56 นาที ก่อนที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจะประกาศยุติแมตช์ในเวลา 22.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น

 

การเคอร์ฟิวสำหรับการแข่งขันทัวร์นาเมนต์แกรนด์สแลมเป็นสิ่งที่เราจะได้เห็นในวิมเบิลดันที่เดียวเท่านั้น และจะไม่มีทางได้พบเห็นในแกรนด์สแลมรายการอื่นๆ ไม่ว่าแมตช์การแข่งขันจะจบดึกแค่ไหนก็ตาม

 

ยกตัวอย่างในเทนนิสยูเอสโอเพนเมื่อปีที่แล้ว เกมระหว่าง การ์รอส อัลการาซ ลงสนามพบกับ มาริน ซิลิช จบการแข่งขันในเวลา 02.23 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ในการแข่งขันออสเตรเลียนโอเพนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เกมระหว่าง แอนดี มาร์รีย์ พบกับ ธานาซี ค็อกคินากิส ในรอบที่ 2 เริ่มการแข่งขันเวลา 22.00 น. ก่อนไปจบลงในเวลา 04.05 น.

 

แต่เพราะนี่คือวิมเบิลดัน เวทีศักดิ์สิทธิ์ของวงการเทนนิสโลก มันจึงต่างออกไปและไม่มีที่ไหนเหมือนที่นี่

 

เวลาเคอร์ฟิวของศึกวิมเบิลดันคือเวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นอย่างที่ได้เรียนไปก่อนหน้านี้ โดยกฎข้อนี้เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2009 หลังจากที่เซ็นเตอร์คอร์ตสามารถเปิดหลังคาได้ โดยทางวิมเบิลดันต้องไปขออนุญาตต่อสภาเมืองเมอร์ตันเพื่อขออนุญาตเปิดหลังคา

 

การเปิดหลังคาสนามจะส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมอย่างมาก 2 เรื่องใหญ่ๆ ข้อแรกคือแสงที่ออกมาจากสนามจากการเปิดสปอตไลต์เพื่อให้นักเทนนิสเห็นลูกอย่างชัดเจน ส่วนอีกเรื่องคือเสียงเชียร์จากผู้ชมที่ค่อนข้างดัง ต่างจากการปิดหลังคาอย่างชัดเจน

 

วิมเบิลดัน เคอร์ฟิว

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้มีการประกาศใช้กฎการเคอร์ฟิวระหว่างการแข่งขันที่เวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้การแข่งขันส่งผลรบกวนชุมชนโดยรอบออลอิงแลนด์คลับมากเกินไป

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ วิมเบิลดันเคยออกแถลงการณ์มาแล้วในปี 2018 โดยมีใจความว่า “การเคอร์ฟิวในเวลา 23.00 น. เป็นเงื่อนไขการวางแผนที่ใช้เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการแข่งขันกับผู้ที่อยู่อาศัยในท้องถิ่นโดยรอบ อันเป็นผลกระทบจากขนาดของการแข่งขันเทนนิสระดับนานาชาติที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อพื้นที่พักอาศัย

 

“นอกจากนี้ยังมีความท้าทายในแง่ของการเชื่อมต่อระบบขนส่งและการพาผู้ชมกลับบ้านอย่างปลอดภัยก็เป็นข้อพิจารณาที่สำคัญเช่นกัน”

 

กฎดังกล่าวที่ระบุให้การแข่งขันเล่นได้ไม่เกิน 23.00 น. ทำให้เกมระหว่างมาร์รีย์กับซิตสิปาสไม่ใช่เกมคู่แรกที่ถูกระงับการแข่งขันด้วยข้อจำกัดนี้

 

ก่อนหน้านี้การแข่งขันระหว่าง โนวัค ยอโควิช กับ ราฟาเอล นาดาล ในรอบรองชนะเลิศปี 2018 ก็ต้องถูกหยุดการแข่งขันชั่วคราวหลังจากจบเซ็ตที่ 3 แม้ว่าการแข่งขันแมตช์นั้นจะเริ่มในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่เกมระหว่าง นิค คีริออส กับ อูโก้ อุมแบร์ ในรอบแรกปี 2021 ก็ต้องเจอชะตากรรมเดียวกัน

 

อย่างไรก็ตาม กฎการเคอร์ฟิวไม่ใช่สิ่งที่ตายตัวขนาดนั้น เพราะเกมระหว่าง แอนดี มาร์รีย์ กับ มาร์กอส แบกห์ดาติส ในรอบที่ 3 ของวิมเบิลดัน ปี 2012 ก็สามารถเล่นกันจนจบได้หลังเวลา 23.00 น. เช่นกัน โดยเกมนั้นอดีตแชมป์วิมเบิลดัน 2 สมัยเอาชนะไปได้ 3-1 เซ็ต สกอร์ 7-5, 3-6, 7-5 และ 6-1 ตอนที่เวลาท้องถิ่นตรงกับ 23.02 น. ซึ่งนั่นเป็นเพียงเกมเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถแข่งขันได้จบหลังเวลาเคอร์ฟิว

 

ขณะที่เกมที่ฉิวเฉียดที่สุดที่จะติดเคอร์ฟิวแต่กลับจบได้ก่อน คือเกมระหว่าง โนวัค โยโควิช ที่พบกับ โอลิวิเยร์ โรชุส ในรอบแรกปี 2010 เกมนั้น ‘โนเล่’ เอาชนะไปได้ 3-2 เซ็ต สกอร์ 4-6, 6-2, 3-6, 6-4 และ 6-2 โดยเกมเล่นจบในเวลา 22.58 น. ซึ่งเอาชนะเวลาเคอร์ฟิวไปเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น

 

นั่นหมายความว่าสภาเมืองเมอร์ตันเองก็ไม่ได้ซีเรียสกับเวลาการเคอร์ฟิวของวิมเบิลดันขนาดนั้น และพวกเขาเข้าใจเรื่องความยืดหยุ่นในเกมกีฬาเป็นอย่างดี

 

โดยทาง สตีเฟน อลัมบริติส ผู้นำของสภาเมืองเมอร์ตัน เคยแสดงความเห็นหลังเกมที่มาร์รีย์เอาชนะแบกห์ดาติส จนเวลาการแข่งขันเลยเวลาเคอร์ฟิวไว้ว่า “ความยืดหยุ่นและสามัญสำนึกเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า เราติดต่อกับออลอิงแลนด์คลับตั้งแต่เวลา 22.00 น. และมีการพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนและผู้อำนวยการการแข่งขัน

 

“เราพูดเสมอว่าการเตรียมการล่วงหน้าเหล่านี้ต้องใช้ดุลยพินิจ ดังนั้นผมจึงยินดีที่มีการใช้ทั้งความยืดหยุ่นและสามัญสำนึก เพราะเรามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อทั้งผู้อยู่อาศัยและเทนนิส”

 

การมีเวลาเคอร์ฟิวจึงเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวิมเบิลดัน ไม่ต่างจากชุดสีขาว หญ้าสีเขียว และสตรอว์เบอร์รีแอนด์ครีมแสนอร่อยเลยก็ว่าได้…

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising