‘เพราะความฝันไม่มีวันตาย’ วิลล์ เคลย์ นักเขย่งก้าวกระโดดผู้อยากเป็นแรปเปอร์ที่ดังก้องโลก ไม่น้อยกว่าการได้เหรียญทองโอลิมปิก

คำว่า Track สำหรับนักกรีฑาปกติแล้วย่อมหมายถึงสนามแข่ง แต่สำหรับ วิลล์ เคลย์แล้วมันมีความหมายมากกว่านั้น

Track สำหรับนักกีฬาทีมชาติสหรัฐอเมริกาคนนี้ ยังหมายถึงเพลงในอัลบั้มที่ถูกปล่อยออกมาให้ผู้คนได้รับฟังกันอีกด้วย

ในด้านหนึ่งของชีวิต เคลย์คือนักกีฬาเขย่งก้าวกระโดด (Triple Jump) ที่เก่งกาจ เขาเป็นเจ้าของเหรียญเงินในการแข่งขันโอลิมปิกมาแล้ว 2 สมัย และในความรู้สึกของนักกีฬาวัย 29 ปีรายนี้ การแข่งขันเขย่งก้าวกระโดดนั้นไม่ได้เป็นแค่กีฬา เพราะเขามองเห็นมันเป็นศิลปะมากกว่า

“มันเหมือนคนกำลังลอยอยู่ มันมีท่วงทำนองและจังหวะของมัน” เคลย์กล่าวถึงกีฬาถนัดของเขา “ผมรู้สึกว่าการแข่งเขย่งก้าวกระโดดมันเหมือนกับงานโชว์ศิลปะมากกว่า… มันเป็นอะไรที่ดูลื่นไหล”

ในถ้อยคำของเคลย์ก็น่าจะพอรู้ได้ว่าเขาไม่ได้เป็นแค่นักกีฬาธรรมดา หากแต่เป็นคนที่มีหัวใจรักศิลปะอยู่อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะในการขับลำนำบทเพลงแรปที่มีจังหวะและท่วงทำนองที่เขาชื่นชอบมากที่สุด และความจริงที่หลายคนไม่รู้คือเขาตกหลุมรักการร้องเพลงมาก่อนที่จะมอบชีวิตให้กับการเป็นนักกีฬาด้วยซ้ำไป

“บทเพลงคือภาษารักสำหรับผม” พ่อนักกีฬาเจ้าคารมเล่าต่อ “นี่คือเหตุผลที่ผมไม่สามารถจะหยุดคิดถึงมันได้ ผมจะเพลิดเพลินเมื่อผมแต่งเพลงดีๆ ได้ มันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันกับโลกใบนี้ ผมอยากจะเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยมีมาเลย”

พูดแบบนั้นก็อาจจะเหมือนคุยโวนิดๆ แต่หากลองเข้าไปดูบทเพลงที่ชื่อ IDGAF ผลงานของเขาที่ออกมาเมื่อปี 2013 ก็จะเห็นยอดผู้ชมที่สูงถึงเกือบ 70 ล้านคนเลยทีเดียว และแน่นอนว่าจะได้เห็นภาพของเขากับเหรียญเงินโอลิมปิกด้วย

ในเส้นทางดนตรี เคลย์มองเป้าหมายของตัวเองเอาไว้ในการจะเป็นศิลปินผู้มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้เหมือนกับแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง เดรก, เคนดริก ลามาร์, นิปซีย์ ฮัสเซิล และ ดร.เดร “ในเชิงดนตรีผมก็อยากจะทำให้ได้ในระดับนั้น และผมคิดว่าอาจเป็นเพราะผมเป็นนักกีฬาผู้คนก็เลยมองข้ามความสามารถตรงนี้ของผมไป

“พวกเขาคิดว่าผมทำเป็นงานอดิเรก แต่สำหรับผมมันไม่ใช่งานอดิเรก มันคือสิ่งที่ออกมาจากจิตวิญญาณของผมเลย”

ปีกลาย-ปีของโรคระบาดและเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลกมนุษย์-การแข่งขันโอลิมปิกถูกเลื่อนไป 1 ปีได้ส่งผลกระทบต่อนักกีฬาทั่วโลกที่อุตส่าห์ซุ่มซ้อมอุทิศกายและใจตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ด้วยความรู้สึกทั้งกับตัวเองและรู้สึกถึงนักกีฬาคนอื่นๆ เคลย์จึงได้แต่งเพลงใหม่ขึ้นมา กับบทเพลงที่ชื่อว่า Dreams Don’t Die ที่สะท้อนถึงเหล่านักกีฬาที่ต้องจำยอมเก็บความฝันในการลงแข่งขันโอลิมปิกเอาไว้ในลิ้นชักก่อนเป็นเวลา 1 ปี

เพียงแต่ไม่ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญอย่างไรก็ตาม เคลย์ไม่อยากให้นักกีฬาทุกคนละทิ้งความฝัน เพราะความฝันต้องไม่มีวันตายจากหัวใจของผู้คน

“มันคือสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ และมันก็เป็นสิ่งที่ผมรู้ว่าเหล่าโอลิมเปียน (นักกีฬาโอลิมปิก) ต่างก็รู้สึกเหมือนกัน

“เรามีความฝันนี้เหมือนกัน ในการจะได้เห็นนักกีฬาโอลิมปิกคว้าเหรียญโอลิมปิก ได้เป็นตัวแทนประเทศ ได้ลงไปแข่งขันในสนาม เราฝันถึงสิ่งเหล่านี้ เราฝันถึงช่วงเวลาเหล่านี้

“มันดูเหมือนความฝันนี้เกือบจะถูกดับไปแต่จริงๆ แล้วมันก็แค่เลื่อนออกไป เราแค่ต้องพยายามมีแรงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”

สำหรับการแข่งขันโอลิมปิก ‘โตเกียว 2020’ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ เคลย์หวังจะคว้าเหรียญทองแรกของเขาให้ได้หลังจากที่เคยได้เหรียญเงิน 2 ครั้ง และเหรียญทองแดงอีกครั้งในการแข่งกระโดดไกล

โดยในครั้งล่าสุดที่ ‘ริโอ 2016’ เขาเคยสร้างความฮือฮาด้วยการขอแฟนสาว ควีน แฮร์ริสัน ซึ่งเป็นนักกีฬาเหมือนกันแต่งงานกลางสนามแข่งท่ามกลางผู้ชมหลายหมื่นคนมาแล้ว และกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าประทับใจมากที่สุดของโอลิมปิก

การขาดหายไปของผู้ชมแฟนกีฬาจากทั่วโลกคือสิ่งที่น่าเสียใจที่สุด แต่เคลย์มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลอะไรต่อการแข่งขัน เพราะเขารู้ว่า ณ ที่ใดสักที่บนโลกใบนี้ก็จะมีแฟนกีฬาที่พร้อมจะรอเชียร์เขาอยู่ดี

“นั่นคือเส้นชัย นั่นคือสิ่งที่เราพยายามซุ่มซ้อมมา ถ้าเด็กคนหนึ่งที่มาจากเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา สามารถจะคว้าเหรียญทองได้ ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีๆ ที่โลกใบนี้จะได้เห็น” และถ้าเขาทำได้ มันอาจจะเป็นแรงบันดาลใจภาคต่อของบทเพลง Dreams Don’t Die และเพลงของเขาอาจจะดังกระฉ่อนไปทั่วโลกจริงๆ

เพราะนั่นก็เป็นอีกความฝันสำหรับยอดนักกีฬาผู้นี้เช่นกัน 🙂

พิสูจน์อักษร: ชฎานิสภ์ นุ้ยฉิม

อ้างอิง: