วิชา มหาคุณ ในฐานะประธานชุดคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เชิญคณะทำงานของ พล.ต.ท. เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ไม่มีความเห็นแย้งพนักงานอัยการกรณีสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ และ พ.ต.อ. วิรดล ทับทิมดี หนึ่งในพนักงานสอบสวนคดี บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ในขณะนั้นเข้าให้ข้อมูล ซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
วิชาเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เชิญคณะทำงานของ พล.ต.ท. เพิ่มพูน มาให้ข้อมูล เพราะเป็นผู้ที่เห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ ได้ความสรุปว่าตำรวจดูแต่สำนวน แต่ไม่ได้ดูรายละเอียด ไม่ได้เปรียบเทียบกับของเดิมว่ามีความแตกต่างอย่างไร รวมทั้งไม่ได้ดูความเป็นพิรุธ ทำตามสายงาน ทางคณะกรรมการจึงแจ้งในข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายสามารถโต้แย้งได้ และถ้าข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วน หากจะมีความเห็นแย้งก็สามารถสอบเพิ่มเติมอีกได้ แต่ปรากฏว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
นอกจากนี้ยังได้เชิญ พ.ต.อ. วิรดล มาให้ข้อมูล มีข้อมูลว่าทำไมไปดึงพยานที่เรียกว่าพยานงอกมา 2 ปาก ทั้งที่มีการปฏิเสธไปแล้ว โดยอธิบดีอัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ และอดีตอัยการสูงสุดก็ปฏิเสธว่าหลักฐานไม่เพียงพอจึงได้ยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรม
วิชาระบุด้วยว่า ที่ลงวันที่แบบนี้เป็นการลงวันที่เป็นเท็จ พยายามจะทำให้เห็นว่ามีการสอบสวนถึง 2 ครั้ง ใช้ความเพียรพยายาม ใช้ความระมัดระวังอะไรต่ออะไร แต่ทั้งที่จริงแล้วใช้ช่วงระยะเวลาสอบเพียงครั้งเดียว ซึ่ง พ.ต.อ. วิรดล ไม่ได้ยอมรับว่าบกพร่อง แต่ยอมรับลงวันที่ไม่จริง จุดนี้ไม่ต้องไปสืบเจตนาอะไร ซึ่งเขาอ้างเป็นเพราะพนักงานอัยการเร่งรัดมา ก็เลยอยากจะลงวันที่ไว้ล่วงหน้า เผื่อต้องเรียก พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ แตงจั่น มาให้ถ้อยคำอีกครั้งหนึ่ง มันจะได้สมเหตุสมผล ส่วนการนำพยานงอก 2 ปากใส่ไว้ในสำนวนคดีนั้น พ.ต.อ. วิรดล บอกเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญซึ่งน่าเชื่อถือ และเรื่องที่ พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ พยายามโทรศัพท์มาเพื่อขอเปลี่ยนแปลงเรื่องความเร็วรถให้กลับมาเป็น 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเหมือนเดิม ประเด็นนี้ พ.ต.อ. วิรดล บอกว่าเขายุ่งคดีอื่นที่สำคัญจึงตอบไปว่าจบแล้ว ทั้งที่จริงมันไม่จบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า คนที่บกพร่องคือตำรวจใช่หรือไม่
วิชาย้อนถามว่า คนที่ลงวันที่ผิด ใครเป็นคนทำ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์