×

ความตายของโรแมนติกฟุตบอล? คล็อปป์รับงานที่ Red Bull นับว่าผิดไหม

10.10.2024
  • LOADING...
Jürgen Klopp

โดยไม่ใครได้คาดคิด อยู่ๆ ภาพของ เจอร์เกน คล็อปป์ ก็กลับมาปรากฏต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง และไม่ใช่ภาพของคุณลุงวัยใกล้เกษียณที่สนุกกับการใช้จ่ายวันเวลาในชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป

 

“หลังจากที่คุมทีมอยู่ข้างสนามมาเกือบ 25 ปี คงไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมตื่นเต้นไปมากกว่าการได้มีส่วนร่วมกับโปรเจกต์แบบนี้” คล็อปป์บอกกับทุกคน พร้อมย้ำเตือนถึงหัวใจที่ยังร้อนแรงของเขา “บทบาทอาจจะเปลี่ยน แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อเกมฟุตบอลและเหล่าผู้คนที่ร่วมสร้างเกมนี้ขึ้นมาไม่เคยเปลี่ยน”

 

สำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลพวกเขาปรบมือและร่วมยินดีกับเส้นทางใหม่ของ ‘บอส’ ในตำแหน่ง Head of Global Soccer ของเครือ Red Bull อาณาจักรกีฬาอันยิ่งใหญ่

 

แต่สำหรับแฟนโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เพิ่งต้อนรับอดีต ‘ที่รัก’ ของพวกเขาอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติในเกมเกียรติยศของ ลูคัส พิสซ์เซ็ค และ ยาคุบ บลาสซิคอฟสกี เมื่อเดือนที่แล้ว เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรจากการที่คล็อปป์ถือมีดแล้วกรีดตรงกลางหัวใจ

 

เหมือนเพลงเก่าที่ยังทุ้มอยู่ในใจ ‘ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ’

 

“เจอร์เกน คล็อปป์ พวกเราไม่มีคนคาดหวังสิ่งนี้หรอกและบอกตรงๆ มันเจ็บปวดมาก คุณทรยศพวกเราเพื่อนของคุณ ครอบครัวของคุณ และบ้านของคุณ คุณทรยศโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์”

 

“ว้าว คำว่าผิดหวังมันน่าจะน้อยเกินไป เขาทำลายชื่อเสียงทุกอย่างที่ทำมาในเวลาแค่วันเดียว”

 

“วิธีการทำลายตำนานทั้งหมดที่สร้างมา แนะนำทีละขั้นตอนโดย เจอร์เกน คล็อปป์”

 

“เจอร์เกน คล็อปป์ นายคือศัตรูของเกมฟุตบอล”

 

นี่เป็นตัวอย่างความรู้สึกของแฟนฟุตบอลดอร์ทมุนด์บางส่วนที่ระบายและพรั่งพรูออกมาบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งสวนทางกับแฟนฟุตบอลลิเวอร์พูลที่ร่วมอวยพรให้อดีตบอส ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคนเหมือนกัน

 

เพราะมันดูไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร ก็แค่รับงานในบทกึ่งผู้บริหารของ Red Bull โดยที่ไม่ได้ลงมาคุมทีมอยู่ข้างสนามด้วยซ้ำ

 

อีกทั้งเราต่างเชื่อกันว่านี่ไม่ใช่ ‘ปลายทาง’ ที่คล็อปป์หวัง เพราะเส้นชัยของจริงน่าจะอยู่ที่โอกาสจะได้ใช้ ‘เงื่อนไขพิเศษ’ ในการรับตำแหน่งโค้ชทีมชาติเยอรมนีในอนาคต ซึ่งไม่ใช่ความลับอะไรของกุนซือผู้เป็นที่รักมากที่สุดคนหนึ่งของโลกฟุตบอล

 

คล็อปป์อยากคุมทีมชาติ ใครก็รู้

 

แต่สำหรับแฟนดอร์ทมุนด์ – และอาจจะรวมถึงแฟนฟุตบอลในเยอรมนีแล้ว เรื่องนี้ละเอียดอ่อนครับ

 

เพราะสำหรับชาวเยอรมัน สโมสรฟุตบอลในเครือของ Red Bull คือ ‘ศัตรู’ ที่พวกเขาไม่อาจยอมรับได้ หรืออาจพูดได้เลยว่าเป็นสโมสรที่ทุกคนชิงชังได้โดยไม่รู้สึกผิด

 

 

เรื่องนี้มีที่มาที่ไป ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่โดยสรุปแล้วคือวงการฟุตบอลเยอรมนีไม่ให้การยอมรับการที่นายทุนอย่าง Red Bull เข้ามาซื้อกิจการของสโมสรฟุตบอลเล็กๆ ในระดับดิวิชัน 5 ในเมืองไลป์ซิกที่ชื่อ เอสเอสเฟา มาร์กรันสตัดท์ ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนชื่อสโมสรนี้ใหม่เป็น ราเซินบอลล์สปอร์ต ไลป์ซิก หรือ แอร์เบ ไลป์ซิก ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2009

 

ในวงการฟุตบอลเยอรมนีมีกฎพิเศษที่ตราขึ้นโดยสมาคมฟุตบอลเยอรมนีหรือเดเอฟเบ (DFB) ที่เรียกว่ากฎ ‘50+1’ ซึ่งสโมสรฟุตบอลทุกแห่งจะต้องมีแฟนฟุตบอลที่เป็นสมาชิกของสโมสรถือหุ้นจำนวน 51 เปอร์เซ็นต์

 

ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การตัดสินใจใดๆ ที่สำคัญต่ออนาคตและความมั่นคงของสโมสร – ซึ่งมิได้มีสถานะเป็นแค่ทีมกีฬา แต่เป็นศูนย์กลางของชุมชน และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมกีฬา – ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดคือแฟนฟุตบอล

 

แต่กรณีของไลป์ซิก Red Bull ได้ใช้ช่องโหว่ของกฎด้วยการมีจำนวนสมาชิกแค่ 17 คนเท่านั้นที่มีสิทธิออกเสียง และเกือบทั้งหมดคือคนของ Red Bull เอง นั่นหมายถึงผู้บริหารที่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจสั่งซ้ายหันขวาหัน

 

แม้กระทั่งชื่อของสโมสร ตามกฎมีการบอกว่าห้ามใช้ชื่อของสปอนเซอร์ ก็มีการเลี่ยงบาลีด้วยการเลือกใช้คำว่า ราเซินบอลล์สปอร์ต (แปลตรงๆ ทื่อๆ ว่ากีฬาเล่นบอลบนพื้นหญ้า หรือก็คือเตะบอลนั่นแหละ) ซึ่งตัวย่อคือ ‘แอร์เบ’ (RB) ซึ่งก็ย้อนกลับไปถึง Red Bull อยู่ดี

 

Red Bull บอกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของสโมสร แต่ก็เป็นคนที่ออกทุนทุกอย่างให้ เป็นการไม่ซื่อตรงซึ่งขัดต่อนิสัยของชาวเยอรมัน

 

ด้วยเหตุผลนี้ และด้วยเหตุผลความรุ่งโรจน์ของแอร์เบ ไลป์ซิก ที่ทะยานขึ้นสู่บุนเดสลีกาอย่างรวดเร็วเพราะมีอำนาจเงินทุนมหาศาลสนับสนุน ทำให้แฟนฟุตบอลทั่วเยอรมนีไม่พอใจและไม่ยอมรับ ตราหน้าว่าเป็นสโมสรของนายทุน เป็นแค่เครื่องมือทางการตลาด ไม่มีคุณค่าหรือความหมายใดๆ ต่อวงการฟุตบอล

 

แอร์เบ ไลป์ซิก จึงถูกขนานนามว่าเป็นสโมสรที่แฟนบอลทั่วเยอรมนีเกลียดชังมากที่สุด

 

แม้แต่ตัวของคล็อปป์เองก็เคยออกโรงต่อต้านแนวทางของ Red Bull ซึ่งกว้านซื้อสโมสรอีกหลายแห่งไว้ในครอบครอง เช่น เรดบูล ซัลซ์บวร์ก, นิวยอร์ก เรดบูล, เรดบูล บรากันติโน (ในลีกบราซิล) และไม่นานมานี้ได้ซื้อหุ้นในสโมสรลีดส์​ ยูไนเต็ด

 

คล็อปป์กล่าวในปี 2017 เอาไว้แบบนี้ครับ “ผมเป็นคนที่รักความโรแมนติกในเกมฟุตบอล ผมชอบขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมในเกมฟุตบอล และในเยอรมนีก็มีแค่ 2 สโมสรที่ร้องเพลง You’ll Never Walk Alone ก่อนเกม นั่นก็คือไมนซ์และดอร์ทมุนด์”

 

นี่คือเหตุผลที่แฟนดอร์ทมุนด์และอาจรวมถึงแฟนไมนซ์ที่เคยรักและเทิดทูนบอสจอมโรแมนติกคนนี้สุดหัวใจ รับไม่ได้กับการตกลงรับงานกับสโมสรที่ทำทุกอย่างตรงข้ามกับความโรแมนติกของเกมฟุตบอล

 

 

เรื่องนี้คิดเห็นเช่นไรอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนครับ

 

ในความหงุดหงิดผิดหวังเพราะรู้สึกว่าถูกทรยศของแฟนดอร์ทมุนด์ (และอื่นๆ) ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

 

แต่ในอีกด้านหนึ่งหากมองด้วยความรู้สึกที่เป็นกลาง การรับตำแหน่งนี้ของคล็อปป์ก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่เข้าใจกันไม่ได้เลย

 

โดยเฉพาะเมื่อฟังจากปากคำของเจ้าตัว ซึ่งอัดคลิปชี้แจงเรื่องนี้ไว้ผ่านทาง Instagram ของตัวเอง

 

คล็อปป์บอกแบบนี้ครับ “สวัสดีทุกคน บางคนอาจจะได้ยินข่าวแล้ว แต่อาจจะมีคนที่ยังไม่รู้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 ผมจะเป็น Head of Global Soccer ที่ Red Bull และผมก็รอวันนั้นอยู่

 

“ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ผมไม่คิดว่าผมจะกลับมาคุมทีมที่ข้างสนามได้อีกแล้ว และมันก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ แต่ผมรักเกมฟุตบอลและผมยังรักการทำงาน Red Bull คือที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผมในเรื่องนี้ ผมอยากแบ่งปันประสบการณ์ของผมที่สั่งสมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 

“เราต่างรู้ดีว่ามีผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากมาย แต่ในชีวิตการทำงานของผม ผมผ่านมาทั้งการต่อสู้เพื่อเลื่อนชั้น ผมต่อสู้เพื่อหนีตกชั้น และผมก็ต่อสู้เพื่อแชมป์และถ้วยรางวัล

 

“บางครั้งเราอาจจะล้มเหลว บางครั้งเราทำสำเร็จ การรับมือกับสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ดังนั้นผมอยากจะได้เรียนรู้อีกครั้ง เพราะเมื่อยังทำงานอยู่และทีมต้องลงสนามทุก 3 วัน เราแทบจะไม่มีเวลา

 

“ตอนนี้ผมมีทั้งเวลาและมีโอกาสแล้ว ผมอยากจะได้เห็น ได้รู้สึก และได้ค้นหาว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาฟุตบอลได้อีก ผมเฝ้ารอวันนั้นอยู่ แต่ตอนนี้ผมจะขอกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วพบกันในเดือนมกราคม”

 

ฟังแล้วผมคิดว่าก็พอเข้าใจได้

 

ชีวิตจริงของคนเราเมื่อเวลาผ่าน เติบโตขึ้น บางครั้งเรื่องที่คิดว่าใหญ่เมื่อวางลงแล้วก็เล็กนิดเดียว

 

ในสิ่งที่เคยคิดและเคยพูดไปสำหรับคล็อปป์ วันนี้เมื่อไม่ได้สวมหมวกของสโมสรไหนแล้ว อีกทั้งการมีโอกาสได้ทำความรู้จักพูดคุยกับ Red Bull ผ่านการทำงานร่วมกันหลายครั้งก็น่าจะเข้าใจกันและกันมากขึ้น เพราะอย่าลืมว่าในช่วงที่คุมลิเวอร์พูล คล็อปป์ดึงนักเตะมาจากเครือนี้หลายคน ไม่ว่าจะเป็น ทาคุมิ มินามิโนะ, อิบราฮิมา โกนาเต, โดมินิก โซโบสไล (แม้แต่ ซาดิโอ มาเน ก็เคยเป็นผลผลิตระบบของ Red Bull)

 

 

เป๊ป ไลน์เดอร์ส มือขวาคนสนิทก็ทำงานกับเรดบูล ซัลซ์บวร์ก อยู่ในเวลานี้

 

แบบนี้พอจะบอกได้ว่าคล็อปป์กับทาง Red Bull ก็คงใกล้ชิดกันพอประมาณ และมองว่าในวัยประมาณนี้ เรี่ยวแรงที่เหลือแบบนี้ ความต้องการที่อยากจะถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มี ทุกอย่างน่าจะตอบโจทย์

 

โดยตำแหน่ง Head of Global Soccer ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งขึ้นใหม่ เนื้อในแล้วมีความคล้ายกับ Head of Sport and Development ที่ ราล์ฟ รังนิก เคยนั่งแท่นอยู่ในช่วงปี 2019 ในช่วงก่อนที่จะรับข้อเสนอมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

และคล้ายกับ อาร์แซน เวนเกอร์ ในบท Chief of Global Football Development ของ FIFA (ซึ่งก็อยู่ในสถานการณ์คล้ายกัน ยังรักเกมฟุตบอล แต่ไม่คิดจะกลับมาคุมทีมข้างสนามอีก)

 

ที่สำคัญคือเป็นจุดพักกลางทางในระหว่างเฝ้ารอว่าจะมีโอกาสคุมทีมชาติเยอรมนีหรือไม่

 

ในความรู้สึกส่วนตัวแล้วจึงไม่ได้คิดว่าสิ่งที่คล็อปป์ทำนั้นผิดทั้งหมดแต่อย่างใด แต่สำหรับแฟนบอลที่ยังรับกับเรื่องนี้ไม่ได้ก็เข้าใจได้เหมือนกัน

 

อย่างไรก็ดี ในมุมของนักข่าวผู้มีประสบการณ์อย่าง คริสเตียน ฟอล์ค มองว่าถึงตอนนี้เรื่องมันจะดูใหญ่และร้ายแรงเหลือเกิน

 

แต่สุดท้ายด้วยความเป็นคล็อปป์ ผู้คนที่เจ็บปวดในวันนี้ก็อาจจะลืมและให้อภัยในใจได้สักวัน

 

เพราะความรู้สึกแบบนี้ ใครวางลงได้ก่อนก็เบาก่อน

 

ทุกเรื่องในชีวิตก็เช่นกัน

 
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X