ก่อนรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หน่วยข่าวกรองสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ไว้ว่า รัสเซียจะจู่โจมด้วยกองกำลังทางอากาศโดยหวังครองน่านฟ้ายูเครนให้เร็วที่สุด ก่อนส่งทหารราบเข้ายึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ต่างๆ
ทว่าการสู้รบตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ารัสเซียใช้กองกำลังทางอากาศอย่างจำกัด ซึ่งสร้างความสับสนไม่น้อยให้กับสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่ไม่สามารถอธิบายได้แน่ชัดว่าอะไรเป็นปัจจัยให้รัสเซียดูยังไม่อยากเสี่ยงเทหมดหน้าตัก
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสมรภูมิก็คือ แม้กำลังทหารของรัสเซียดูเหนือกว่ายูเครนมากหากวัดตามหน้ากระดาษ ทั้งในแง่จำนวนทหารและอานุภาพอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่สิ่งที่เห็นก็คือเครื่องบินของกองทัพอากาศยูเครนยังคงบินอยู่บนฟ้า และระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนก็ยังคงใช้การได้อยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความงงงวยให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร เพราะตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้นั้น กองทัพรัสเซียน่าจะบดทำลายกองทัพอากาศและระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนทันทีที่เปิดฉากบุก
หนึ่งในเจ้าหน้าที่กลาโหมของสหรัฐฯ ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุกับสำนักข่าว Reuters ว่า รัสเซียไม่จำเป็นต้องรับความเสี่ยงกับการใช้เครื่องบินและนักบินของตน
ทหารยูเครนมีจรวดต่อสู้อากาศยาน ซึ่งเป็นภัยต่อเครื่องบินรัสเซีย และสร้างความเสี่ยงให้กับนักบินที่พยายามสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดิน
ขณะที่สถาบัน The Royal United Services Institute (RUSI) ในลอนดอน ระบุในบทความชื่อ ‘กรณีน่าฉงนของกองทัพอากาศรัสเซียที่หายไป’ ว่า การใช้กองกำลังทางอากาศอาจเป็นยุทธวิธีขั้นต่อไปของรัสเซีย
“หลายสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นทำให้สับสน” ร็อบ ลี ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารรัสเซียแห่งสถาบัน Foreign Policy Research Institute ให้ความเห็น เพราะเขาคิดว่ารัสเซียจะเปิดฉากสงครามโดยใช้กำลังเต็มอัตราศึก
“เพราะแต่ละวันผ่านไป มีต้นทุนและความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น” ลีกล่าว ด้วยเหตุนี้เขาจึงอธิบายเหตุผลที่แท้จริงของรัสเซียได้ยาก
ความสับสนเกี่ยวกับวิธีการที่รัสเซียใช้กองกำลังทางอากาศนั้นมีขึ้นในช่วงที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ปฏิเสธข้อเรียกร้องของยูเครนในการกำหนดเขตห้ามบิน ซึ่งอาจดึงสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งกับรัสเซียโดยตรง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารหลายคนพบหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการขาดการประสานงานกันระหว่างทหารราบกับกองทัพอากาศรัสเซีย โดยทหารรัสเซียหลายกองเดินทัพไปไกลเกินกว่ารัศมีการป้องกันทางอากาศของรัสเซีย
ซึ่งนั่นทำให้ทหารรัสเซียตกอยู่ในความเสี่ยงจากการถูกกองกำลังยูเครนโจมตี ซึ่งรวมถึงการตกเป็นเป้าโจมตีของโดรนที่ได้จากตุรกี และขีปนาวุธต่อต้านรถถังจากสหรัฐฯ และอังกฤษ
เดวิด เดปทูลา ทหารนายพลสามดาวของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเกษียณแล้วและเคยบัญชาการเขตห้ามบินบนน่านฟ้าทางเหนือของอิรัก ระบุว่า เขารู้สึกประหลาดใจที่รัสเซียไม่พยายามครองน่านฟ้าตั้งแต่เริ่มต้น
“รัสเซียพบว่าการประสานปฏิบัติการต่างๆ นั้นไม่ง่าย และอาจไม่ดีอย่างที่คิดในตอนแรก” เดปทูลาบอกกับ Reuters
ในขณะที่กองทัพรัสเซียทำได้ต่ำกว่าที่พวกเขาคาดหวังไว้ ทหารยูเครนก็ทำได้ดีเกินคาดเช่นกันในการยืนหยัดต่อสู้กับผู้รุกราน
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การที่ยูเครนรักษาเครื่องบินรบให้บินสู้ได้ไม่ถอย เป็นการแสดงให้เห็นความสามารถในการต้านทานข้าศึกของยูเครนในยามที่เผชิญกับการถูกรุกราน ซึ่งช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับประเทศ ทั้งต่อทหารและประชาชนยูเครน
นอกจากนี้ ยูเครนยังสร้างตำนานของกองทัพอากาศขึ้นมาได้ด้วย ซึ่งรวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องบินขับไล่ยูเครนลำหนึ่งที่อ้างว่าสามารถสอยเครื่องบินรัสเซียตกถึง 6 ลำ จนได้สมญานามว่า ‘ผีแห่งเคียฟ’ (ข้อเท็จจริงยังไม่ได้รับการพิสูจน์ด้วยหลักฐานที่มีน้ำหนัก)
เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ประเมินว่ารัสเซียใช้เครื่องบินเพียง 75 ลำในปฏิบัติการบุกยูเครนจนถึงตอนนี้ แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยประเมินว่ารัสเซียอาจเตรียมเครื่องบินไว้หลายร้อยลำสำหรับภารกิจยูเครน
“เรามีเครื่องบ่งชี้ว่ารัสเซียสูญเสียเครื่องบินไปบางส่วน เช่นเดียวกับยูเครน” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุ “น่านฟ้ายูเครนยังมีการขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในแต่ละวัน”
ภาพ: aviation-images.com / Universal Images Group via Getty Images
อ้างอิง: