ทีมสืบสวนขององค์การอนามัยโลก (WHO) เดินหน้าตรวจสอบหาต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ที่เป็นเชื้อก่อโรคโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่นของจีน เพื่อพิสูจน์ความจริง ท่ามกลางความกังขาจากนักวิเคราะห์ว่าจะเหลือหลักฐานให้ค้นหาอีกหรือไม่
รายงานระบุว่า ทีมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของ WHO ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องปฏิบัติการทดลอง (ห้องแล็บ) ในสถาบันไวรัสวิทยาแห่งอู่ฮั่นในวันนี้ (3 กุมภาพันธ์) โดยเป็นหนึ่งในสถานที่เป้าหมายหลักของการเดินทางมาเยือนจีนครั้งนี้ของ WHO หลังทางการสหรัฐฯ ออกมากล่าวหาว่า ห้องแล็บดังกล่าวคือต้นตอที่มาของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
โดยภารกิจดังกล่าวจะสำรวจหาวิธีการที่ไวรัสติดต่อจากสัตว์มาสู่คน อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายก็อดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ลงพื้นที่ตรวจสอบจะสามารถค้นพบเบาะแสใดๆ ได้หรือไม่ เพราะทางการจีนเพิ่งจะอนุญาตให้เข้าตรวจสอบหลังจากที่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ดำเนินไปแล้ว 1 ปี
รายงานระบุว่า ขบวนรถยนต์ของทีมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบขับผ่านด่านรักษาความปลอดภัยเข้าไปในสถาบันไวรัสวิทยาท่ามกลางหมอกในช่วงเช้าของวันนี้ โดยที่รถยนต์คันแรกของขบวนได้หยุดเพื่อให้นักข่าวที่มารอทำข่าวได้สอบถามสั้นๆ
ปีเตอร์ ดาสซัค หนึ่งในสมาชิกทีมตรวจสอบของ WHO กล่าวว่า ทางทีมงานหวังที่จะทำหน้าที่ในวันนี้ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการไดัซักถามในทุกข้อสงสัยที่จำเป็นต้องได้รับคำตอบ
ทั้งนี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์คิดว่าไวรัสโควิด-19 ที่ปรากฏการระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น และคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 2 ล้านคนนั้น มีต้นกำเนิดจากค้างคาว และติดต่อมายังคนโดยผ่านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น กระนั้น จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีคำตอบยืนยันอย่างแน่ชัด
โดยในช่วงแรกที่มีการระบาดเกิดขึ้น ได้มีการคาดการณ์ว่าไวรัสดังกล่าวอาจบังเอิญหลุดออกจากห้องทดลองด้านชีววิทยาในเมืองอู่ฮั่น ทว่า แม้ข้อสันนิษฐานนี้ไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ยืนยัน แต่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และผู้สนับสนุนต่างเห็นด้วยกับข่าวลือดังกล่าว และหยิบยกขึ้นมาขยายเป็นประเด็นใหญ่โตด้วยทฤษฎีสมคบคิดว่าจีนจงใจปล่อยให้ไวรัสเล็ดลอด ซึ่ง ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังออกมายืนยันเมื่อปีที่แล้วว่า มีหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ได้ว่าไวรัสมาจากห้องแล็บ แต่ก็ไม่ได้แสดงหลักฐานพิสูจน์
ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ CGTN รายงานว่า ทีมเจ้าหน้าที่ WHO จะเยือนห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพแห่งชาติจีน และจะใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนความเห็นกับบรรดาผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเกี่ยวกับกิจวัตรการทำงาน ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ และความพยายามสกัดกั้นการแพร่ระบาด
ที่ผ่านมา จีนต้องเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งในและต่างประเทศว่าไม่ได้ใส่ใจต่อสถานการณ์ในช่วงแรกที่เกิดการระบาด และจงใจปกปิดข้อมูลหลังพบการระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่นเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2019
อย่างไรก็ตาม ดาสซัคให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวขณะเข้าไปในศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสัตว์เมื่อวานนี้ ระบุว่า ภารกิจดำเนินไปได้ด้วยดี โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทางทีมเจ้าหน้าที่ได้มีโอกาสเยี่ยมชมนิทรรศการฉลองความสำเร็จของจีนในการฟื้นตัวจากโรคระบาด ขณะที่วันอาทิตย์ก็ลงพื้นที่เยี่ยมชมตลาด สถานที่ที่มีการรายงานพบการการะบาดเป็นครั้งแรก ซึ่งดาสซัคทวีตข้อความว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญอย่างมากในการตรวจสอบ
ก่อนหน้านี้ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าของจีนด้านสายพันธุ์ไวรัสโคโรนาในค้างคาว จือ เจิงลี่ ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการของห้องแล็บปฏิบัติการเมืองอู่ฮั่น เคยให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสารวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ ฉบับหนึ่งเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2020 ระบุ รู้สึกกังวลเกี่ยวกับข้อสงสัยที่ไวรัสอาจเล็ดลอดมาจากห้องแล็บ แต่หลังจากตรวจสอบอย่างเข้มงวด กลับพบว่าไม่มีพันธุกรรมตัวไหนตรงกับไวรัสที่เก็บไว้ในห้องแล็บ และกล่าวว่า ยินดีเดิมพันด้วยชีวิตว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับทางห้องปฏิบัติการทดลองแห่งนี้
ภาพ: Hector RETAMAL / AFP
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: