วันนี้ (16 เมษายน) หลังจากที่เมื่อวานนี้ทางเดนมาร์กประกาศยุติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของ AstraZeneca ทางด้าน ฮันส์ เฮนรี พี คลูเกอ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวยืนยันว่าประโยชน์ของวัคซีนนั้น ‘มีมากกว่าอันตราย’
“ทุกคนควรเข้าใจตรงกันว่าวัคซีนของ AstraZeneca สามารถลดอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาล และป้องกันการเสียชีวิตได้จริง องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ผู้ใหญ่ที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ทุกคนฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โดยเร็วที่สุด” คลูเกอกล่าวแถลงข่าวทางออนไลน์
คลูเกอชี้ว่า ปัจจุบันมีประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ AstraZeneca แล้วกว่า 200 ล้านคน “และมีคนเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่มีภาวะเลือดแข็งตัว ซึ่งพบได้ยาก สำหรับตอนนี้ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 เสี่ยงต่อภาวะเลือดแข็งตัวมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca อย่างมาก”
ภูมิภาคยุโรปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งหมด 7 ตัวแล้ว 171 ล้านโดส โดยมีประชากรในยุโรปที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสแล้วเกือบร้อยละ 13 และได้รับครบ 2 โดสแล้วเกือบร้อยละ 6
อย่างไรก็ตาม คลูเกอยอมรับว่า ทาง WHO รับทราบถึงรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดและเกล็ดเลือดต่ำหลังฉีดวัคซีนของ Johnson & Johnson พร้อมเสริมว่า “องค์การอนามัยโลกกำลังตรวจสอบรายงานเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และจะเผยผลที่ได้ในเวลาที่เหมาะสม”
เพื่อย้ำเตือนถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน คลูเกอระบุว่า ยอดผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในภูมิภาคยุโรปสูงเกิน 1 ล้านรายเมื่อสัปดาห์ก่อน
“เราพบผู้ป่วยรายใหม่ 1.6 ล้านรายทุกสัปดาห์ 9,500 รายทุกชั่วโมง หรือ 160 รายทุกๆ หนึ่งนาที” คลูเกอกล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
- สำนักข่าวซินหัว