วานนี้ (14 มีนาคม) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 และแผนการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของประเทศไทย ว่า สำหรับข้อมูลการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของประเทศไทย ให้กลุ่มเป้าหมายระยะแรกใน 13 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 13 มีนาคม ฉีดวัคซีนรวม 44,963 ราย ส่วนใหญ่ฉีดได้เกือบครบแล้ว เหลือเพียง 3 จังหวัด คือ ปทุมธานี สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะฉีดครบภายในสัปดาห์หน้าตามแผนที่วางไว้ จากการทบทวนข้อมูลร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ยังไม่พบผู้มีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดนั้นคนไทยมีความเสี่ยงต่ำกว่าชาวยุโรป อันตรายคือเมื่อเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันเป็นก้อน เลือดกระจายไปอุดตันหลอดเลือดในปอด ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนล้มเหลว และอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยภาพรวมประชาชน 1 ล้านคน อาจมีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่เท้าได้ประมาณ 10 คน เช่น หากฉีดวัคซีนให้กับคน 3 ล้านคน โอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันคือ 30 คน ถือว่าอยู่ในภาวะปกติ
ดังนั้นกรณีที่พบลิ่มเลือดอุดตัน 22 คนในผู้รับการฉีดวัคซีน 3 ล้านคน จึงไม่ได้สูงผิดปกติ แต่หากเกิดลิ่มเลือดอุดตันเพิ่มขึ้นจาก 30 คน เป็น 60 คน คือเพิ่มเป็น 2 เท่า ถือว่าผิดปกติ จะต้องสืบค้นหาสาเหตุ
รวมทั้งหลังจากวันศุกร์ที่ผ่านมา คณะผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามสอบถามข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency) ยืนยันข้อมูลตรงกันว่า วัคซีนบริษัท AstraZeneca มีความปลอดภัย และไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดมากผิดปกติจากสถานการณ์ที่เคยเป็น แนะนำให้ฉีดวัคซีนต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล