ทำความรู้จัก Whitney Peak นักแสดงหญิงรุ่นใหม่ที่ CHANEL เลือกให้มาเป็นเฟซของน้ำหอม Coco Mademoiselle

Whitney Peak ในลุคกลิ่นอาย Gabrielle Chanel
สำหรับแคมเปญน้ำหอม Coco Mademoiselle

Gabrielle Chanel เคยกล่าวไว้ว่า “Beauty begins the moment you decide to be yourself” ซึ่งพอแปลเป็นภาษาไทยคือ “ความงามเกิดขึ้นเสมอ ณ ช่วงเวลาที่คุณเลือกเป็นตัวของตัวเอง” โดยวลีนี้เป็นสิ่งที่ CHANEL ใช้เสมอมาเมื่อเฟ้นหาแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่อยากร่วมงานด้วย โดยล่าสุด CHANEL เจอสิ่งนี้ในตัวของ Whitney Peak นักแสดงหญิงรุ่นใหม่มาแรงลูกครึ่งยูกันดา-แคนาดา ที่เข้ามาเป็นเฟซของน้ำหอมกลิ่นสุดไอคอนิกของ CHANEL อย่าง Coco Mademoiselle

แต่กว่า Whitney Peak จะมาถึงจุดนี้ได้ เธอต้องผ่านบททดสอบมามากมายสำหรับผู้หญิงวัยเพียง 20 ปี โดย THE STANDARD POP จะมาเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอให้ฟัง และทำให้เห็นว่า ทำไมเฟซคนใหม่ของน้ำหอม Coco Mademoiselle จะมีโอกาสกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานในอนาคตของฮอลลีวูด ซึ่ง CHANEL มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอก่อนใคร

แคมเปญน้ำหอม Coco Mademoiselle
ถ่ายโดย Inez van Lamsweerde และ Vinoodh Matadin

ใครคือ Whitney Peak

Whitney Peak เกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2003 ที่กัมปาลา เมืองหลวงของประเทศยูกันดา ภายใต้ครอบครัวที่เธอเป็นลูกคนสุดท้องกับพี่อีก 3 คน ซึ่งคุณแม่ Sammy Peak เปิดร้านเสริมสวย และคุณพ่อชาวแคนาดาเป็นนักบินและวิศวกรเฮลิคอปเตอร์ที่ประจำการอยู่ที่ดูไบ โดยตั้งแต่วัยเด็ก Whitney Peak ถูกเลี้ยงดูให้เป็นผู้หญิงยุคใหม่อย่างแท้จริง เธอสามารถมีความคิดเป็นของตัวเองและได้รับอิสระอย่างเต็มที ซึ่งครอบครัวเธอส่งให้ไปเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่ยังเล็ก และเธอก็จริงจังในการฝึกฝนเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ พร้อมมีโค้ชเป็นอดีตนักว่ายน้ำโอลิมปิกจากประเทศซูดาน

แต่เมื่อ Whitney Peak อายุ 9 ขวบ เป้าหมายชีวิตของเธอก็ถูกเปลี่ยนครั้งใหญ่ หลังครอบครัวตัดสินใจย้ายไปอยู่รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา แบบถาวร ซึ่งทำให้เธอต้องล้มเลิกความฝันในการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เพราะเธอปรับตัวกับวิถีชีวิตและสังคมใหม่ได้ยาก โดยอีกไม่กี่ปีต่อมาเธอเริ่มเป็นวัยรุ่นและถูกหล่อหลอมด้วยกิจกรรมการดู Disney Channel อยู่เป็นประจำกับซีรีส์ เช่น That’s So Raven และ Lizzie McGuire วันหนึ่งเธอเห็นโฆษณาบนช่องที่เฟ้นหาเด็กมาเป็นนักแสดงใหม่ของช่อง ซึ่ง Whitney Paek ก็สนใจและขอแม่ไปออดิชัน

Whitney Peak ขณะถ่ายทำซีรีส์ Gossip Girl ที่นิวยอร์ก

ถึงแม้การไปออดิชันในครั้งนั้นจะกลายเป็นว่าเธอโดนหลอก แต่ต่อมา Whitney Peak ก็ยังคงขยันไปแคสต์งานต่างๆ และได้รับบทตัวประกอบมากมาย อย่างเช่น ในซีรีส์ Minority Report ที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ชื่อดังของ Tom Cruise และในปี 2017 เธอก็ได้รับบท Stella ในภาพยนตร์เรื่อง Molly’s Game ของผู้กำกับดีกรีรางวัลออสการ์ Aaron Sorkin พร้อมแสดงร่วมกับนางเอกแถวหน้าของวงการอย่าง Jessica Chastain

ถัดมาในปี 2019 ชื่อของ Whitney Peak ก็เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เมื่อเธอถูกรับเลือกให้เล่นซีรีส์ Chilling Adventures of Sabrina ของ Netflix ก่อนที่ในปี 2021 จะถือว่าเป็นปีแจ้งเกิดของเธอก็ว่าได้ ด้วยการย้ายไปอยู่นิวยอร์กเพื่อแสดงบทนำในซีรีส์ Gossip Girl เวอร์ชันใหม่ของ HBO Max และต่อด้วยบท Becca ในภาพยนตร์ภาคต่อ Hocus Pocus 2 ของ Disney+ ที่เธอแสดงเคียงข้างนักแสดงระดับไอคอนทั้ง Sarah Jessica Parker และ Bette Midler

Whitney Peak ถือว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงระดับ New Wave ที่ฮอลลีวูดกำลังให้ความสนใจอย่างมากและเป็นอีกหนึ่งความหวังของวงการเหมือนกับเพื่อนๆ ของเธอไม่ว่าจะเป็น Sabrina Carpenter และ Gabriel LaBelle ที่เพิ่งแสดงนำในภาพยนตร์ The Fabelmans ของ Steven Spielberg แถมเธอก็ยังสนิทสนมกับ Jeremy O. Harris หนึ่งในนักประพันธ์และนักแสดง LGBTQIA+ ที่สำคัญที่สุดแห่งยุคอีกด้วย โดย Whitney Peak เคยให้สัมภาษณ์ว่า ในอนาคตเธอยังคงอยากมุ่งหน้าในการเป็นนักแสดง และวันหนึ่งก็อยากมีโอกาสเล่นภาพยนตร์ของค่ายอินดี้สุดฮิปอย่าง A24 ที่อยู่เบื้องหลังเรื่อง Everything Everywhere All at Once, Uncut Gems, Minari และ Midsommar

Whitney Peak กับ CHANEL

ตั้งแต่ปี 2021 Whitney Peak กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ CHANEL ฝั่งอเมริกาที่มีอายุน้อยที่สุด โดยเธอได้ขึ้นแคมเปญกระเป๋า CHANEL 22 ร่วมกับ Lily-Rose Depp และ Margaret Qualley พร้อมกับได้ไปงานสำคัญมากมายของวงการ ไม่ว่าจะเป็น Met Gala, งานกาล่าของพิพิธภัณฑ์ Academy Museum of Motion Pictures, ดินเนอร์ของเทศกาลภาพยนตร์ Tribecca Film Festival และไปแฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน CHANEL Metiers d’art 2023 ที่จัด ณ เมืองดาการ์ ประเทศเซเนกัล แต่สิ่งเหล่านี้ก็คงเทียบชั้นไม่ได้กับโปรเจกต์ต่อไปของ Whitney Peak ที่ทำร่วมกับ CHANEL

แคมเปญน้ำหอม Coco Mademoiselle

2023 เป็นปีที่ CHANEL อยากเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับน้ำหอม Coco Mademoiselle ด้วยการเลือก Whitney Peak ให้เป็นเฟซคนใหม่ โดยเหตุผลสำคัญที่ทางแบรนด์ได้เลือกเธอก็เพราะ Coco Mademoiselle เป็นน้ำหอมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงชีวิตวัย 20 ต้นๆ ของ Gabrielle Chanel ที่เปี่ยมไปด้วยความเย้ายวน อิสระ การมองการณ์ไกล สนุกกับชีวิต และกล้าเป็นตัวของตัวเองแบบไม่เดินตามกรอบของสังคมที่ถูกวางไว้ต่อผู้หญิง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ Whitney Peak สะท้อนออกมาเหมือนกันในทุกวันนี้ที่เธอกำลังค้นหาตัวเองและจุดยืนในวงการ

น้ำหอม Coco Mademoiselle เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2001 จากการปรุงกลิ่นโดย Jacques Polge ซึ่งทุกวันนี้ลูกชายของเขา Olivier Polge ก็ได้สานต่อปรัชญาในการทำน้ำหอมของ CHANEL ที่ก้าวหน้าไม่เหมือนใครในตำแหน่ง In-House Perfumer ซึ่งเขาได้เล่าถึงเหตุผลว่าทำไม Whitney Peak ถึงเหมาะสมกับการเป็นตัวแทนของผู้หญิง Coco Mademoiselle

“Coco Mademoiselle ได้รับแรงบันดาลใจจาก Gabrielle Chanel ในช่วงเริ่มต้นอาชีพของเธอ ซึ่งความสำเร็จของเธอนั้นเกินความคาดหมายที่เธอคิดด้วยซ้ำ ซึ่งผมคิดว่า Whitney Peak เป็นตัวแทนได้ดีมากกับสิ่งนี้”

เบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณาน้ำหอม Coco Mademoiselle ที่ปารีส

โดยแคมเปญนี้ได้ช่างภาพสามี-ภรรยาอันดับต้นๆ ของวงการอย่าง Inez van Lamsweerde และ Vinoodh Matadin มาถ่ายทำให้ที่กรุงปารีส ซึ่ง Whitney Peak ได้เล่าให้ ELLE USA ฟังถึงประสบการณ์การถ่ายทำว่า “ฉันรู้สึกเหมือนอยู่กองถ่ายภาพยนตร์ขนาดย่อมๆ เลย และทุกคนจะเรียกฉันว่า Coco ตลอดเวลา ซึ่งช่วงหนึ่งก็จะมีคนพูดว่า ‘ตอนนี้คุณคือ Crazy Coco ที่กำลังจะไปสนุกกับเพื่อนๆ’ หรืออีกช่วงก็จะพูดว่า ‘คุณคือ Sexy Coco ที่กำลังอยู่บนเตียงกับคู่รัก’ โดยฉันได้เล่นหลายบทบาทที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะก่อนหน้านี้ได้เป็นแต่หญิงสาวอายุน้อยบนจอเงินเสมอ ซึ่งการได้ถ่ายโฆษณานี้ก็เหมือนเป็นการบ่งบอกและคาดเดาว่าทศวรรษต่อไปในชีวิตของฉันจะเป็นอย่างไร”

มากไปกว่านั้น Whitney Peak ยังได้เล่าถึงกระบวนการเพื่อถ่ายทอดจิตวิญญาณและเสน่ห์ความเป็น Gabrielle Chanel ว่า “ฉันไม่ได้รู้จัก Gabrielle Chanel มากขนาดนั้นในช่วงแรก แต่ฉันก็พยายามที่จะเรียนรู้ถึงแง่มุมต่างๆ เกี่ยวกับตัวเธอ ซึ่งในช่วงยุคสมัยของเธอมันเป็นเรื่องแปลกมากที่ผู้หญิงจะมีความดื้อรั้น รักอิสระ เฉลียวฉลาด มีแรงผลักดันตลอดเวลา และต่อต้านความคาดหวังของสังคมที่มีต่อคุณ แถมยังกล้าที่จะมีมุมมองของตัวเองด้วย โดยฉันมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมอพาร์ตเมนต์ของเธอที่ปารีส ได้รับรู้ประวัติความเป็นมาของเธอ ทราบถึงความสัมพันธ์ที่เธอเคยมี และการที่เธอเป็นคนเอาใจใส่คนรอบตัวที่ทำงานด้วยเสมอ ซึ่งจากทั้งหมดทั้งมวล ฉันเลยรู้สึกเชื่อมโยงกับรากฐานของตัวตน Gabrielle Chanel เป็นอย่างมาก”

อีกหนึ่งไฮไลต์ของแคมเปญ Coco Mademoiselle ที่เราสัมผัสได้ โดยเฉพาะผ่านตัววิดีโอโฆษณาที่กำกับโดย Joseph Kosinski คือการสะท้อนคำว่า ‘Becoming’ ได้อย่างมีชั้นเชิง ซึ่งทำให้คนเห็นว่าการใช้น้ำหอมไม่ได้เกี่ยวกับแค่เรื่องรูปธรรมด้านความหอมเย้ายวนของกลิ่นและวัตถุดิบที่ใช้ แต่น้ำหอมมีพลังบางอย่างที่พอใช้ไปแล้วเราจะค้นพบตัวเองในเวอร์ชันที่รู้สึกสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เริ่มเข้าใจว่าเราเป็นใครกันแน่บนโลกใบนี้ และอยากใช้ชีวิตแบบไหนต่อไป โดยเฉพาะกับผู้หญิงในวัยแบบ Whitney Peak ที่เพิ่งผ่านช่วง Coming-of-Age และกำลังก้าวมาเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว

แต่สิ่งที่สำคัญสุดเกี่ยวกับแคมเปญใหม่ของ Whitney Peak สำหรับน้ำหอม Coco Mademoiselle คือพลังและการขับเคลื่อนแนวคิดต่อความงามของผู้หญิงยุคใหม่ที่มาได้ในทุกรูปแบบ ทุกเฉดสี โดยเธอกล่าวกับ ELLE USA เช่นกันว่า “ฉันรู้สึกโชคดีและดีใจมากที่ได้มีโอกาสนี้ เพราะตอนยังเด็กฉันแทบไม่เคยเห็นใครอยู่ในจุดนี้และเป็นตัวแทนผู้หญิงแบบฉัน ซึ่งการที่ฉันได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ CHANEL ในช่วงวัยนี้ ฉันภูมิใจกับตัวเอง และฉันคิดว่ามันเท่มากๆ”