เจฟฟ์ ไซออนต์ส (Jeff Zients) ผู้ประสานงานด้านการรับมือโควิดของทำเนียบขาว เปิดเผยต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ (16 กุมภาพันธ์) ว่าสหรัฐฯ มีความก้าวหน้าอย่างมากในการป้องกันโควิด และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมความพร้อมสำหรับระยะต่อไปของสถานการณ์ระบาด ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นระยะที่ ‘โควิดไม่ใช่วิกฤต’ แต่เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันและรักษาได้
“จากความก้าวหน้าและเครื่องมือที่เราทุกคนมี เรากำลังก้าวไปสู่ช่วงเวลาที่โควิดไม่ใช่วิกฤต แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถป้องกันและรักษาได้ ประธานาธิบดีและทีมโควิดของเรากำลังวางแผนกันอย่างแข็งขันเพื่ออนาคตนี้” ไซออนต์สกล่าว พร้อมเสริมว่าปัจจุบันมีประชากรกลุ่มผู้ใหญ่กว่า 3 ใน 4 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งนอกจากวัคซีน สหรัฐฯ ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ในการช่วยต่อสู้กับการระบาด ซึ่งรวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยและการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
ท่าทีของทำเนียบขาวมีขึ้นในขณะที่กรณีการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับโควิดสายพันธุ์โอมิครอนนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง และหลายรัฐเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการป้องกันการระบาดท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลง
โดยข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดหรือ CDC พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในช่วง 7 วัน ลดจากสัปดาห์ก่อนหน้ากว่า 40% ในขณะที่จำนวนเฉลี่ยของผู้ป่วยโควิดที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลแต่ละวันลดลงประมาณ 28% เช่นเดียวกับผู้เสียชีวิตรายวันที่ลดลงประมาณ 9%
ขณะเดียวกัน CDC กำลังพิจารณาปรับข้อแนะนำในการป้องกันโควิด ซึ่งคาดว่าจะประกาศได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม โดยข้อแนะนำใหม่ๆ คาดว่ารวมถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสวมหน้ากากอนามัย
โดย ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC เผยว่า ตัวชี้วัดที่สำคัญในการปรับข้อแนะนำคือจำนวนผู้ป่วยโควิดที่รักษาในโรงพยาบาล แต่เตือนว่าประชาชนกลุ่มที่ยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยคือกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น เกิดอาการป่วยในช่วง 10 วันหลังจากตรวจเชื้อ หรือสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด
ภาพ: Photo by Sarah Silbiger/Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.washingtonpost.com/nation/2022/02/16/covid-omicron-variant-live-updates/
- https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/us-cdc-weighs-new-guidance-masks-still-key-some-cases-chief-says-2022-02-16/?taid=620da3ed6194ae00017d4b4e&utm_campaign=trueAnthem:+Trending+Content&utm_medium=trueAnthem&utm_source=twitter