การสู้รบระหว่างกลุ่มกะเหรี่ยง KNU กับกองทัพเมียนมาในเมืองเมียวดี ติดกับชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทวีความตึงเครียดในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังกองกำลังติดอาวุธ KNLA ของกลุ่มกะเหรี่ยง KNU เปิดฉากใช้เครื่องยิงลูกระเบิดและโดรนโจมตีทหารกองพัน 275 ราว 150 คน ซึ่งปักหลักอยู่บริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 โดยเกิดการปะทะรุนแรงตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 เมษายน) มีเสียงปืนและระเบิดดังเป็นระยะ ขณะที่กองทัพเมียนมาส่งเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดโจมตีในพื้นที่หลายระลอก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนเมียนมาจำนวนมากอพยพหนีการสู้รบข้ามมาฝั่งไทย ท่ามกลางการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ของฝ่ายความมั่นคงไทย โดยการสู้รบนี้ยังไม่สิ้นสุด และยังไม่แน่ว่าจะรุนแรงมากขึ้นอีกหรือไม่
ผู้อพยพทะลักไทย
ผลจากการสู้รบตลอด 3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 คน ขณะที่มีชาวเมียนมาทยอยอพยพหนีการสู้รบมาอาศัยอยู่ริมแม่น้ำเมยติดกับชายแดนไทย และเกือบ 3,000 คนได้อพยพข้ามมาฝั่งไทยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 เมษายน) ซึ่งทางการไทยได้จัดพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่งในแม่สอดไว้รองรับ
อย่างไรก็ตาม กองทัพเมียนมายังคงทิ้งระเบิดโจมตีเป็นระยะจนถึงช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดเช้าวันนี้ (22 เมษายน) พบว่าการสู้รบดูเหมือนจะสงบลง ทำให้ผู้อพยพกว่า 1,200 คนตัดสินใจเดินทางกลับไปยังเมียวดีแล้ว
ส่วนบรรยากาศที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 พบว่าตอนนี้ปิดทำการชั่วคราว และจะอนุญาตให้มีการข้ามแดนได้เฉพาะผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจะมีการจัดตั้ง ‘วอร์รูม’ เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพและหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นหลัก เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ
ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมาบริเวณชายแดนแม่สอด-เมียวดี เปิดเผยว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการความคืบหน้าสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้ (23 เมษายน) ก่อนจะมีการแถลง โดยยืนยันว่าไทยมีการเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ในระยะยาวแล้ว
ปฏิบัติการยึดคืนเมียวดี ข่าวลืออาวุธเคมี?
การปะทะระหว่างกองกำลัง KNLA กับทหารกองพัน 275 ซึ่งเป็นกองพันสุดท้ายในเมียวดีที่ยังไม่ยอมจำนน เกิดขึ้นหลังจากที่หลายวันก่อนหน้านี้รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศเดินหน้า ‘ปฏิบัติการอองซียา: Operation Aung Zeya’ ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือยึดคืนเมืองเมียวดี
ท่าทีของกองทัพเมียนมาที่ระดมส่งเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์จู่โจม โจมตีทางอากาศ ประกอบกับพยายามส่งกำลังภาคพื้นดินไปยังเมียวดี แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างเต็มที่ของรัฐบาลทหารที่ต้องการรักษาเส้นเลือดการค้าชายแดนไทย-เมียนมาเส้นนี้ไว้ให้ได้ แม้โอกาสจะพลิกสถานการณ์เป็นไปได้ค่อนข้างยาก
โดยปฏิบัติการอองซียาของรัฐบาลทหารจะไม่สามารถสำเร็จได้ หากกองกำลังทหารเมียนมาไม่สามารถนำกำลังบุกไปถึงเมียวดี
จุดสำคัญจุดหนึ่งที่ทหารเมียนมาจะต้องฝ่าไปให้ได้ก่อนเข้าถึงตัวเมืองเมียวดีคือ เมืองกอกะเร็ก ซึ่งมีกองกำลังผสม KNLA และ PDF วางกำลังป้องกันเต็มที่ โดยรายงานล่าสุดพบว่า ทหารกองทัพเมียนมายังไม่สามารถฝ่าแนวกั้นที่เมืองแห่งนี้ไปได้
อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Khit Thit Media อ้างข้อมูลจากทหารหน่วยเสือเผือก กองกำลังหลักของ KNLA ว่า ทหารเมียนมาได้ใช้โดรนทิ้งระเบิดเคมี ทำให้กองกำลังฝ่าย KNLA ต้องถอยทัพ ซึ่งหลายคนพบว่าเกิดอาการเวียนหัวและอาเจียนอย่างหนัก ขณะที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของทหารที่บาดเจ็บจากอาวุธเคมี แต่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบและยืนยัน
แฟ้มภาพ: Athit Perawongmetha / File Photo / Reuters
อ้างอิง: