ราคาหุ้น WHA พุ่งเฉียด 2% สวนทางตลาดหุ้นที่ติดลบ หลังประกาศปรับเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินเป็น 2,500 ไร่ จาก 1,750 ไร่ ตอบรับกลุ่มลูกค้าจีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ย้ายฐานผลิตมาไทย ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น WHA ทะยานหุ้นไปทำ All Time High แตะที่ระดับ 5.30 บาทนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2555
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ล่าสุดวันนี้ (25 สิงหาคม) ปิดการซื้อ-ขายในช่วงเช้าที่ 5.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.94% มูลค่าการซื้อ-ขาย 96.55 ล้านบาท
จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA Group เปิดเผยข้อมูลในงานประชุมนักวิเคราะห์ หรือ Analyst Meeting ว่า WHA ได้ประกาศปรับเป้ายอดขายที่ดินอุตสาหกรรมทั้งปีเพิ่มเป็น 2,500 ไร่ จาก 1,750 ไร่ ตอบรับดีมานด์ที่แข็งแกร่งทั้งจากกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจากการย้ายฐานการผลิตกลุ่มลูกค้าจีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา มายังประเทศไทยและเวียดนาม
ขณะที่ธุรกิจสาธารณูปโภคและโรงไฟฟ้ายังคงเติบโตอย่างโดดเด่นจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนโลจิสติกส์มีโอกาสเซ็นสัญญาเช่ากับลูกค้ารายใหม่ ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เป้าการเซ็นสัญญารวมทั้งปีแตะ 2 แสนตารางเมตร และบริษัทเตรียมขายสินทรัพย์ออกไปให้กับ WHART ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเป็นที่ดินประมาณ 1.42 แสนตารางเมตร คิดเป็นมูลค่า 3.5 พันล้านบาท ช่วยสนับสนุนรายได้ให้เติบโตแบบก้าวกระโดดตามเป้าหมายที่วางไว้
โบรกแนะซื้อ จ่อปรับประมาณการกำไร WHA
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า WHA ประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/66 จะดีต่อเนื่องเป็น 866 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 66% จากไตรมาสก่อนหน้า สำหรับกำไรหลักตามส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมโรงไฟฟ้าเพิ่มเป็น 266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรส่วนใหญ่มาจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่จำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น
ขณะที่ WHA จะมีการขยับเป้าการขายนิคมฯ ในปีนี้ขึ้นไปอีก เนื่องจากในครึ่งแรกของปีนี้ทำได้แล้ว 1,049 ไร่ คิดเป็นสัดส่วน 60% จากเป้าเดิมที่ 1,750 ไร่เป็น 2,500 ไร่ ถือว่าสูงมาก เพราะในปี 2565 ทำยอดขายได้เป็นสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,899 ไร่แล้ว ทั้งนี้ เป้าเดิมที่ 1,750 ไร่ แบ่งเป็นไทยที่ 1,899 ไร่ และเวียดนามที่ 550 ไร่ สำหรับการขยับเป้ายอดขาย คาดว่าจะเป็นเฉพาะที่ไทยเพิ่มเป็น 1,700-2,000 ไร่ แต่เวียดนามคงไว้ที่ 550 ไร่ แม้ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 จะทำได้แล้วราว 408 ไร่แล้ว โดยล่าสุดในงวดไตรมาส 3/66 ได้ขายให้กับ Foxconn อีกราว 300 ไร่
คงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ ราคาพื้นฐานเป็น 5.10 บาท โดยคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอีก 3.2% รวมเป็น 8.2% แต่มีข้อด้อยคือ คาดว่ากำไรหลักปี 2566 จะยังลด 11% จากปีก่อน เพราะปีนี้ขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ลดลงกว่าปีก่อน แต่คาดว่ากำไรหลักปี 2567 จะกลับมาเติบโตได้ 10% จากปี 2566 แต่มีแนวโน้มจะปรับประมาณการเพิ่มขึ้นหลังจากที่กำไรไตรมาส 2/66 ที่ออกมาดีเกินคาด
