ดับบลิวเอชเอ (WHA) มองเทรนด์การย้ายฐานการผลิตมาไทยต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปีข้างหน้า จากเดิมที่คาดว่าเทรนด์ดังกล่าวจะดำเนินไปอีกแค่ 2-3 ปี ขณะที่ผู้ลงทุนต่างชาติเข้ามาเช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากช่วงก่อนโควิด
จากการเสวนาในหัวข้อ โอกาสพลิกเกมธุรกิจไทย: รับกระแสอุตสาหกรรมใหม่และการย้ายฐานการลงทุน (Game-Changing Opportunities in Thailand: The Rise of New Industries and Investment Relocations) ในงาน Thailand Focus 2024 วันนี้ (28 สิงหาคม)
ณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA กล่าวว่า จากอุตสาหกรรมใหม่ที่เกิดขึ้น เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า ดาต้าเซ็นเตอร์ รวมทั้งความต้องการลงทุนและย้ายฐานการผลิตของหลายอุตสาหกรรม ทำให้แนวโน้มการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยน่าจะดำเนินต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปี
“หากย้อนกลับไปเมื่อ 12 เดือนก่อน เราคงบอกว่าเทรนด์นี้จะดำเนินต่อไปอีกสัก 2-3 ปี แต่ปัจจุบันเราเห็นว่าเทรนด์นี้จะยืดออกไปเป็น 3-5 ปี”
แน่นอนว่าผู้ลงทุนจีนเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่มีสัดส่วนต่ำกว่า 10% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 20% อย่างไรก็ตาม ลูกค้าญี่ปุ่นยังคงเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนมากที่สุด ขณะที่ผู้ลงทุนจากยุโรปก็ยังคงเป็นฐานลูกค้าหลักเช่นกัน
นอกจากนี้ ณัฐพรรษกล่าวถึงประเด็นการปิดโรงงานที่เพิ่มขึ้นในระยะหลังว่า โรงงานที่ปิดส่วนมากจะเป็นธุรกิจที่มีการผลิตต่ำ หากพิจารณาปริมาณการผลิตของโรงงานที่ปิดตัวเทียบกับปริมาณการผลิตของโรงงานใหม่ๆ จะเห็นว่าการผลิตในประเทศยังคงเพิ่มขึ้น
ด้าน สมิทธ์ พนมยงค์ Executive Officer ของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF กล่าวบนเวทีเดียวกันนี้ว่า สำหรับการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ในไทย ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือการลงทุนเพิ่มเติมในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
ในอดีตที่ผ่านมา ประเทศไทยนำเข้าบริการด้านดิจิทัลจากต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาทต่อปี หากบริษัทในไทยมีการลงทุนในด้านนี้มากขึ้นจะช่วยให้ประเทศลดรายจ่ายในส่วนนี้ลงได้
112 บจ. ร่วมงาน Thailand Focus
นอกจาก WHA และ GULF แล้ว ภายในงาน ‘Thailand Focus 2024: Adapting to a Changing World’ ยังมีผู้บริหารจากภาครัฐ ภาคธุรกิจ ตลาดเงิน ตลาดทุน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) 112 บริษัทจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ร่วมให้ข้อมูลสร้างความเชื่อมั่น เชื่อมโยงโอกาสการลงทุนแก่ผู้ลงทุนสถาบัน 178 รายจาก 80 สถาบันทั่วโลก
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการจัดงาน Thailand Focus 2024 ครั้งที่ 18 ภายใต้แนวคิด ‘Adapting to a Changing World’ ว่า งาน Thailand Focus เป็นเวทีสำคัญที่แสดงถึงศักยภาพการลงทุนในไทยแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก โดยผู้ลงทุนจากกลุ่มประเทศหลัก ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสวีเดน ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน รับฟังความพร้อมและศักยภาพของภาคเอกชน ตลาดทุน และเศรษฐกิจไทย
โดยผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน 112 บริษัทจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ร่วมให้ข้อมูลธุรกิจและทิศทางการเติบโตผ่านการประชุมทั้งรูปแบบ One-on-One และ Group Meeting
ภายในงานครั้งนี้ยังได้นำเสนอการปรับตัวและก้าวไปข้างหน้าของภาครัฐ ภาคตลาดทุน รวมถึงภาคเอกชนไทย โดยได้รับเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงนโยบายและโครงการภาครัฐที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยสู่การเติบโตในอนาคต และ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย รวมถึงสถานการณ์ด้านสินเชื่อในภาคการเงิน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงในวงการธุรกิจและตลาดทุนที่ให้ข้อมูลการปรับตัวของตลาดทุนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ปรับตัวต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศไทย และศักยภาพในการที่จะคว้าโอกาสจากบริบทใหม่ของโลก
“ผู้ลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจและติดตามการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย การขับเคลื่อนนโยบายที่มีอยู่เดิมให้เดินหน้า และแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตที่จะส่งผลอย่างยิ่งต่อการลงทุนและการเติบโตของประเทศและตลาดทุนไทย ในส่วนของการประชุมร่วมระหว่างบริษัทจดทะเบียนกับผู้ลงทุนสถาบันยังคงได้รับความสนใจเช่นกัน ทั้งบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในภาคธุรกิจที่เป็นจุดแข็งของประเทศและบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ให้ความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการก้าวเข้าสู่ธุรกิจที่เป็น New Economy” ภากรกล่าว